ทรัมป์ฟาดภาษีเอเชียแรง ฉุดออเดอร์หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ครึ่งปีหลังหด

05 เม.ย. 2568 | 01:00 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2568 | 06:31 น.

ภาษีตอบโต้ใหม่ทรัมป์สะเทือนเอเชีย หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทยรับผลกระทบ โบรกส่องครึ่งหลังปี 68 เสี่ยงออเดอร์แผ่ว

นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ เผยมุมมองต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ว่า จากกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีตอบโต้ กลุ่มประเทศที่ขาดดุลการค้าไปเมื่อเช้าวันที่ 3 เม.ย.68 (ตามเวลาไทย) ทางฝ่ายประเมินว่าอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

โดยเฉพาะผู้ส่งออกหลักในเอเชีย ภาคเซมิคอนดักเตอร์มีลักษณะเป็นโลกาภิวัตน์สูง โดยมีการผลิตและประกอบกระจายอยู่ในหลายประเทศ ดังนั้น การเก็บภาษีอาจทำให้อุตสาหกรรมชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังปี 68

โดยสินค้าบางรายการจะไม่อยู่ภายใต้ภาษีตอบโต้ ได้แก่

  1. สินค้าที่อยู่ภายใต้ 50 USC 1702(b)
  2. สินค้าเหล็ก/อลูมิเนียม และรถยนต์/ชิ้นส่วนรถยนต์ที่อยู่ภายใต้ภาษีมาตรา 232 อยู่แล้ว
  3. ทองแดง, เภสัชภัณฑ์, เซมิคอนดักเตอร์ และไม้แปรรูป
  4. สินค้าทั้งหมดที่อาจอยู่ภายใต้ภาษีมาตรา 232 ในอนาคต 
  5. ทองคำแท่ง
  6. พลังงาน และแร่ธาตุบางชนิดที่ไม่มีในสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าเซมิคอนดักเตอร์จะถูกกล่าวถึงในข้อ 3 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการยกเว้นจะครอบคลุมมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ตาม อัตราภาษี 36% ของไทยสูงกว่าที่คาดการณ์ และสูงกว่าอัตราเฉลี่ย 31.5% รวมทั้งสูงกว่าคู่แข่ง EMS อย่างมาเลเซีย (24%) และฟิลิปปินส์ (17%) ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรม EMS ลดลงและลดการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต

จากปัจจัยที่กล่าวทำให้ทางฝ่ายเห็นว่า DELTA มีความเสี่ยงการส่งออกโดยตรงไปยังสหรัฐฯ สูงที่สุดที่ 29% ตามด้วย HANA (24%), KCE (20%) และ SVI (10%) ทั้งนี้ DELTA, HANA และ SVI มีโรงงานผลิตในต่างประเทศจึงอาจสามารถย้ายฐานการผลิตเพื่อลดผลกระทบได้ตามความเห็นของทางฝ่าย

ภาษีใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอัตรา 25% บนรถยนต์โดยสาร รถบรรทุกขนาดเล็ก และชิ้นส่วนยานยนต์บางส่วนที่นำเข้าโดยสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อ KCE มากที่สุด เนื่องจากรายได้จากส่วนยานยนต์คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้รวมของ KCE ตามด้วย DELTA ที่ 31% ของรายได้รวม เนื่องจากความซับซ้อนในห่วงโซ่อุปทาน จึงยากที่จะระบุการแบ่งส่วนที่ชัดเจนของการส่งออกของ KCE ไปยังสหรัฐฯ

หากสันนิษฐานว่าความเสี่ยงทั้งหมดต่อสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับยานยนต์ KCE ยังคงมีความเสี่ยงสูงสุดต่อภาษีที่ 16% ของรายได้รวม (รวมการส่งออกทางอ้อม) ตามด้วย DELTA ที่ 9%, HANA ที่ 5% และ SVI ที่ 1%

สังเกตว่าเกือบ 50% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ขายในสหรัฐฯ เป็นสินค้านำเข้าและประมาณ 60% ของชิ้นส่วนรถยนต์ถูกนำเข้าก่อนการประกอบขั้นสุดท้ายในสหรัฐฯ ไม่นับรวมที่สหภาพยุโรปส่งออกรถยนต์ประมาณ 38.4 ล้านยูโรหรือ 25% (ในแง่มูลค่า) ไปยังสหรัฐฯ ในปี 2567

ทางฝ่ายคาดว่าวงจรเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ท่ามกลางภาษีใหม่ โดยการเติบโตของเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกดูเหมือนจะยังคงจำกัดอยู่เฉพาะในส่วนของ logic และ memory ซึ่งได้ประโยชน์จากการนำ AI มาใช้ทั่วโลก ทางฝ่ายมองในทิศทางเดียวกับการคาดการณ์ของ WSTS ที่ 11% สำหรับการเติบโตในปี 2568 (เทียบกับ 18-20% จาก Gartner และ IDC)

อย่างไรก็ดี ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ควรจะทำให้วัฏจักรเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกชะลอตัวลงไปอีกในช่วง 2H25F เมื่อพิจารณาทั้งหมดแล้ว มองว่า SVI เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในกลุ่มเดียวกันในระยะสั้น เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อภาษีสหรัฐฯ และภาษียานยนต์ต่ำที่สุด ทั้งนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ SVI โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 8.60 บาท

นโยบายภาษีสร้างความไม่แน่นอน

บล.บัวหลวง ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมองว่านโยบายภาษีของสหรัฐฯ จะกระทบต่ออุปสงค์ในอนาคต แม้ว่าการปรับขึ้นภาษีจะปรับในหลายประเทศทำให้ความเสี่ยงในการย้ายคำสั่งซื้อลดลง แต่ท้ายที่สุดต้นทุนที่เพิ่มขึ้นคาดจะกระทบต่ออุปสงค์ของลูกค้า

หากประเมินจากสัดส่วนรายได้ที่สงออกไปสหรัฐฯ DELTA มีสัดส่วนมากที่สุด ตามมาด้วย KCE และ HANA (ไม่นับรวมรายได้จากโรงงานในสหรัฐฯ) หากดูประเภทสินค้ากลุ่ม Consumer electronics ที่มี Elasticity ต่ำกว่าคาดจะกระทบมากที่สุด

โดย HANA มีสัดส่วนมากที่สุด ในขณะที่สินค้ากลุ่ม AI/Data center ของ DELTA น่าจะมีผลกระทบน้อยกว่า หากเอิงสมมติฐานรายได้ในสหรัฐฯ ลดลง 10% คาดกระทบกำไร DELTA 8%, HANA 6% และ KCE 3% ทั้งนี้ ในแง่ของการเจรจาและรับผลกระทบด้านกำไรคาด DELTA ที่มีอัตรากำไรสูงกว่าน่าจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า