ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ ระดับ 1,077.48 จุด ต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยในภาคเช้าวันนี้ 8 เม.ย.68 (ณ เวลา 13.03 น.) ปิดที่ระดับ 1,077.48 จุด ลดลง 47.73 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 4.24% ในช่วงระหว่างเปิดการซื้อขายภาคเช้าดัชนีแกว่งตัวแตะกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,083.75 - 1,056.41 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 39,977.61 ล้านบาท

โดยการปรับตัวลดลงของ SET Index ในวันนี้ นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 1,211 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2563 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม จากการย้อนดูสถิติการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย พบว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 ดัชนีปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 80.60 จุด

แม้ว่าการลดลงของดัชนีในวันนี้เรียกได้ว่าข่มขวัญและกำลังใจการลงทุนไปพอสมควร แต่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นเข้าเกณฑ์หยุดการซื้อขายชั่วคราว หรือ เซอร์กิตเบรกเกอร์ Circuit Breaker ซึ่งเป็นมาตรการที่มีไว้รองรับให้ตลาดหุ้นไทยได้หยุดพักหายใจ ชะลอความร้อนแรงของตลาด

ทำความรู้จัก เซอร์กิตเบรกเกอร์

เซอร์กิต เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) เป็นเครื่องมือในตลาดหลักทรัพย์ที่จะนำมาใช้เมื่อยามที่ดัชนีหุ้นร่วงลงอย่างหนัก แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่  8% 15% และ 20% ของดัชนีปิดตลาดวันก่อนหน้า โดยการแบ่งระดับดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นมา

ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงเดือนมีนาคมที่นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกและเทขายหุ้นจนดัชนีดิ่งลงอย่างหนัก เช่น ดัชนีจากเปิดตลาด 1,000 จุด ร่วงไป 80 จุด หรือ 8% จากปิดตลาดวันก่อนหน้า เมื่อนั้นมาตรการนี้จะถูกนำมาใช้สั่งหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 30 นาที ก่อนเปิดให้ซื้อขาย
 
และหากดัชนียังรูดลงไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับ 15% หรือจาก 1,000 จุด ร่วงลงไป 150 จุด ตลาดหลักทรัพย์จะเบรกการซื้อขายอีกครั้งเป็นเวลา 30 นาทีชั่วโมง จากนั้นจะเริ่มเปิดซื้อขายใหม่ แต่ถ้าฉุดไม่อยู่ไหลลงไปเป็น 20% หรือจาก 1,000 จุด ร่วงลงไป 200 จุด คราวนี้จะใช้เซอร์กิิต เบรกเกอร์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ ครบ 3 ครั้ง ตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไปจนถึงเวลาปิดทำการปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก ไม่ว่าดัชนีจะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม และหากใช้ประกาศเซอร์กิต เบรกเกอร์ ก่อนตลาดปิด ก็จะไม่มีการชดเชยเวลาแม้ว่าจะไม่ครบ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงก็ตาม