ตลท. ย้ำมาตรการชั่วคราวรับมือความผันผวนได้ จ่อประเมินใหม่หลัง 11 เม.ย.นี้

09 เม.ย. 2568 | 10:21 น.
อัปเดตล่าสุด :09 เม.ย. 2568 | 10:21 น.

SET เผยอยู่ระหว่างประเมินผลมาตรการชั่วคราว Ceiling & Floor และห้ามขายชอร์ต หลังสิ้นสุดใช้การใช้ 11 เม.ย.นี้ ย้ำกองทุนวายุภักษ์ยังกอดหุ้นแน่น ทุนยังเหลือซื้อหุ้นได้ต่อ

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีประกาศใช้มาตรการ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ตเป็นการชั่วคราวที่กำลังจะหมดผลบังคับใช้ภายในวันที่ 11 เม.ย.นี้ มองว่าอาจต้องขอวิเคราะห์การซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 3-4 วันข้างหน้าก่อนร่วมด้วย

ปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลของมาตรการที่ออกมาดีแค่ไหน โดยหวังว่าจะช่วยตลาดได้อยู่ไม่น้อย หากดูการซื้อขายหุ้นเมื่อวานนี้ (8 เม.ย.68) พบว่า หุ้นในกลุ่ม SET 100 มีหุ้นแค่ 2 บริษัทที่แตะระดับฟลอร์ (Floor) เท่านั้น ซึ่งในมุมมองแปลว่าศักยภาพของราคาหุ้นไทยยังอยู่ในจุดที่ดีอยู่

แม้ตลาดโดยรวมจะลดลงไป 4.5% แต่หุ้นใน SET100 ที่มีมาร์เก็ตแคปรวม 80-90% ของตลาดรวม แตะระดับ Floor แค่ 2 บริษัทและไม่ได้ปิดตลาดที่ Floor ด้วย ก็แสดงให้เห็นว่า หากไม่มีมาตรการก็อาจลดลงแค่นี้เหมือนกัน จึงต้องมาวิเคราะห์ความเหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน

ขณะที่มาตรการห้ามขายชอร์ต (Short sell) นั้น ส่วนตัวยังตอบไม่ได้ชัดเจนว่าจะช่วยตลาดได้แค่ไหน แต่หลักการณ์ที่ต้องใช้เพราะไม่อยากให้ตลาดปรับตัวลดลงเร็วจนเกินไป จึงได้ดึงอำนาจนี้มาใช้ โดยมีการวิเคราะห์ระหว่างฝ่ายจัดการและคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มาช่วยกันวิเคราะห์และพิจารณา

เบื้องต้นประเมินว่าการใช้งานในช่วง 4 วันนี้ค่อนข้างเหมาะสมมากแล้ว แต่ในอนาคตหากสภาวะตลาดหุ้นกลับมาปกติมองว่าการ Short sell ก็เป็นประโยชน์ที่ตลาดหุ้นไทยควรจะมี

"โดยในช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ข้างหน้า ก็คงต้องมีการวิเคราะห์สภาวะตลาดทั่วโลกอยู่ตลอด ส่วนมาตรการอะไรที่จะเพิ่มเติมได้ภายใต้อำนาจก็ยังพอมีบ้าง แต่ก็ต้องดูว่าอะไรควรจะผ่อนคลายหรือควรหนักขึ้น ยกตัวอย่างเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็มีการพิจารณากันว่าจะลดระดับเซอร์กิตเบรกเกอร์ด้วยไหม แต่พอพูดคุยกันก็ตัดสินใจไม่ได้ลด เพราะมองว่าเกณฑ์เซอร์กิตเบรกเกอร์ที่ปรับมาช่วงโควิดเหมาะสมอยู่แล้ว และการปรับมาตรการ Celling & Floor ก็เป็นตัวช่วยที่จะลดแรงกระแทกที่จะถึงระดับเซอร์กิตเบรกเกอร์ได้ระดับหนึ่งด้วย"

ส่วนความกังวลว่ากองทุนวายุภักษ์จะเทขายหุ้นออกมาหรือไม่ เรื่องนี้ ทางจลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้มีการสอบถามไปยังนางชวินดา หาญรัตนกูล ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) แล้ว และได้รับการยืนยันว่าไม่มีการขายหุ้นออกมา

และด้วยกฏ ACR (Asset Coverage Raio) โดยระดับที่กองทุนต้องรักษาก่อนจะถูกบังคับขายจริงๆ ยังอยู่อีกห่างไกลหรือตลาดต้องลดลงไปถึง 20% จากวันนี้ถึงจะเริ่มมีผลกระทบ จึงอยากให้ความมั่นใจว่าวันนี้กองทุนวายุภักษ์ไม่มีการขายออกมาและยังมีเงินเหลือเฟือที่จะต้องเริ่มซื้อด้วย

สำหรับคำแนะนำสำหรับนักลงทุน มองว่าควรวิเคราะห์ข้อมูลให้ดีและที่สำคัญต้องวิเคราะห์ว่าเป็นข้อมูลจริงด้วย เพราะวันนี้ตลาดทั่วโลกค่อนข้าง Sensitive มากกับข้อมูล ดังนั้นจะต้องตั้งสติก่อนวิเคราะห์ข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของตลาดหุ้นไทยคือ ข่าวในประเทศนิ่งและตลาดหุ้นไทยลดลงมาเยอะกว่าคนอื่นในช่วงแรก จึงเชื่อว่าหากดูจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวกระทบตลาดทุนไทยค่อนข้างน้อย เพราะนักลงทุนยังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทยยังแข็งแรง แค่อาจยังอยู่ในพื้นฐานที่อยากให้เติบโตกว่านี้ แต่ระดับดาวน์ไซด์ถือว่าน้อย

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและ บริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมามีการพิจารณาเรื่องการปรับลดระดับเซอร์กิตเบรกเกอร์มาเป็น 5% จากเดิมที่เริ่มต้น 8% หยุดพักการซื้อขาย 30 นาที, 15% หยุดพักการซื้อขาย 30 นาที และ 20% หยุดพักการซื้อขาย 60 นาที แต่ยังไม่ได้นำมาเลือกใช้ เพราะมองว่าการใช้มาตรการ Ceiling & Floor ที่ระดับ 15% น่าจะเพียงพอแล้ว

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงาน วางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. - 8 เม.ย. 68 หุ้นไทยปรับตัวลงไป 8.4% จากผลกระทบมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯที่ประกาศออกมา ถือว่าไม่สะเทือนมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเวียดนามที่ติดลบ 14% ส่วนประเทศที่ไม่ค้าขายกับประเทศสหรัฐฯ ก็อาจจะปรับตัวลงน้อย ซึ่งตอนนี้ก็ยังต้องติดตามดูมาตรการภาษีฯของทรัมป์ต่อไป

สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯเดือนมี.ค.68 SET Index ปิดที่ 1,158.09 จุด ปรับลดลง 3.8% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากกว่าตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 31 มี.ค.68 SET Index ปรับลดลง 17.3% ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงต่อเนื่อง และปริมาณการซื้อขายในช่วงปลายเดือนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบกับภัยธรรมชาติในอดีตทั้งสึนามิปี 47 และน้ำท่วมปี 54 แม้ว่ามีผลกระทบต่อจิตวิทยาผู้ลงทุนและเศรษฐกิจโดยรวม แต่ผลกระทบเหล่านี้มักเป็นระยะสั้นและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วนใหม่หลัง 11 เม.ย.นี้