ตลาดหุ้นไทยวันนี้ Sideway เข้าใกล้ช่วงหยุดยาว ไม่ควรหลุด 1,120 จุด
บล.ลิเบอเรเตอร์ ชี้ SET Index วันนี้ Sideways กรอบ 1,120-1,150 จุด ปัจจัยหลักตอนนี้เน้นที่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังเข้มข้น ด้านไทยเข้าใกล้ช่วงหยุดยาว อาจเห็นการชะลอลงทุน เพื่อลดเสี่ยง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 11 เม.ย.68 ว่า คาด SET Index วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1,120-1,150 จุด แม้ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯจะลดลงและต่ำกว่าคาด แต่ปัจจัยหลักของตลาดตอนนี้ยังเน้นไปที่ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยังเข้มข้น ขณะที่ไทยเข้าใกล้ช่วงหยุดยาว อาจเห็นการชะลอลงทุน เพื่อลดเสี่ยง
ทั้งนี้ การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนมีนาคม ในคืนที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยพบว่า US CPI ที่ +2.4% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ลดลงจาก +2.8% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ในเดือนกุมภาพันธ์ และต่ำกว่าตลาดคาดที่ +2.5% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน
เช่นเดียวกับ US Core CPI ที่ +2.8% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ลดจาก +3.1% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าตลาดคาดที่ +3.0% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยการชะลอตัวของเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม ส่วนใหญ่มาจากราคาพลังงาน, รถยนต์มือสอง และราคาค่าโดยสารที่ชะลอตัวลง
จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำคาด อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ผ่อนคลายได้เล็กน้อย โดยเครื่องมือ FED Watch Tool ยังสะท้อนโอกาสปีนี้ที่ตลาดคาดหวัง FED จะลดดอกเบี้ยราว 3-4 ครั้ง แต่อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามสถานการณ์การตอบโต้ภาษีทางการค้าระหว่างสหรั้ฐฯและจีน ที่ยังคงเข้มข้นขึ้น ซึ่งประเด็นนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์เงินเฟ้อในช่วงถัดไปได้
สำหรับไทย วันนี้จะเป็นวันเทรดวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งหลังสงกรานต์ยังมีหลายปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ตลาดผันผวนได้ เช่น การเริ่มรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68, การทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นใหญ่หลายตัว และความไม่แน่นอนของประเด็นสงครามการค้า
ดังนั้น วันนี้อาจเห็นการลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาวได้ โดยแนวรับสำคัญในรอบนี้ที่ไม่ควรหลุด คือบริเวณ 1,120 จุด
ปัจจัยที่ต้องจับตา
11 เม.ย.68
- ดัชนี PPI ของสหรัฐฯ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน
หุ้นเด่นแนะนำ
BTG (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.10 บาท)
- คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/68 จะเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน สอดคล้องกับราคาหมูในประเทศที่ปรับขึ้นเด่น จากอุปทานที่ออกสู่ตลาดไม่มากนัก โดยสัปดาห์ล่าสุดยังคงขยับขึ้นต่อเนื่องอีก +2.3% จากสัปดาห์ก่อน
- ผสานกับด้านต้นทุนสินค้าเกษตรเลี้ยงสัตว์ในระยะสั้นยังมีแนวโน้มลดลง คาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง PE 10.5 เท่า น่าทยอยสะสม