วันที่ 26 ก.พ. 60 —
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ สื่อในเครือสปริง กรุ๊ป ฉบับที่ 3239 ระหว่างวันที่ 26 ก.พ.- 1 มี.ค. 2560 รายงานว่า นายกวี มานิตศุภวงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัสฯ เปิดเผยภายหลังการร่วมฟังข้อมูลจากผู้บริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ฯ (BEC) เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2560 ว่า บริษัทจะทบทวนปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง และมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมด้วย เนื่องจากผู้บริหารให้ข้อมูลว่า ค่าโฆษณายังไม่ดีในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนเดือน มี.ค. จะต้องลุ้นว่าจะดีขึ้นหรือไม่
ขณะเดียวกัน บล.เอเชียพลัสฯ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WORK) ในปีนี้ และราคาเป้าหมาย เนื่องจากเรตติ้งดีขึ้น และเพิ่มรายได้จากการขายผ่านช่องทางภูเกิลและกำลังทดลองขายผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) บริษัทคาดว่า ปีนี้ช่องทางออนไลน์จะสร้างรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท เอเชียพลัสฯ คาดไว้ที่ 150-200 ล้านบาท
"หลักการเลือกซื้อหุ้นทีวีดิจิทัล จะดูเพียงราคาต่ำอย่างเดียวไม่ได้ หากจะลงทุน แนะนำซื้อหุ้น WORK ดีที่สุด แม้ราคาหุ้นขยับขึ้นไปมากแล้ว แต่ยังมีโอกาสเติบโตในหลาย ๆ ด้าน เช่น รายได้, กำไร และเรตติ้ง ซึ่งเรตติ้งที่ดีขึ้นจะช่วยให้ปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ ส่วนโปรแกรมหนังก็ดีกว่ามาก" นายกวี กล่าว
ล่าสุด BEC รายงานผลการดำเนินงานปี 2559 มีกำไรสุทธิเพียง 1,218 ล้านบาท ลดลงถึง 1,764 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 59% จากปี 2558 เนื่องจากไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนจากการดำเนินงานประมาณ 70 ล้านบาทนั้น นายกวี กล่าวว่า ประมาณการกำไรที่เอเชียพลัสทำไว้ในปีนี้ 1,359 ล้านบาท คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 1,200-1,250 ล้านบาท และลดมูลค่าที่เหมาะสมเหลือประมาณ 17-18 บาท จากเดิมประมาณการไว้ที่ 20 บาท
นอกจากนี้ นายกวี ยังกล่าวถึงบริษัท อาร์เอส (RS) กำไรสุทธิในปี 2559 ที่ออกมาขาดทุนสุทธิ 102 ล้านบาท ก็เป็นไปตามคาดการณ์ เนื่องจากเปลี่ยนช่องทางในการขายผลิตภัณฑ์ความงาม ขณะที่ เรตติ้งดีขึ้น และที่สำคัญบริษัท อาร์เอสฯ มีการแจกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้น (วอร์แรนต์) สัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอร์แรนต์ ในราคาแปลงสภาพ 12.50 บาท น่าสนใจแม้ว่าจะยังไม่สามารถแปลงเป็นหุ้นได้ในปี 2560 แต่มีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปถึง 12.50 บาท ในปี 2561
ในส่วนของ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่งฯ (AMARIN) ขาดทุนมากถึง 628 ล้านบาท ในปี 2559 สาเหตุหนึ่งเกิดจากการปรับเปลี่ยนช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ความงาม
สำนักวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำให้ "ถือ" หุ้น BEC หลังจากอัตรากำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อัตรากำไรขั้นต่ำและสุทธิที่ 20% และ -4% ลดลง 20% และ 23% ตามลำดับ ซึ่งมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและมีรายได้ที่ลดลง
"เราให้ถือ โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 17.50 บาท ราคาหุ้นของ BEC ปรับตัวน้อยกว่าตลาด 11% ได้สะท้อนปัจจัยลบในช่วงไตรมาส 4 ไปแล้ว และผลประกอบการจะต่ำสุดในปี 2560 โดยในเดือน ม.ค. คาดลดลง 2% จากการโฆษณาในทีวีดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น 6% ในขณะที่ทีวีอนาล็อกลดลง 10%"
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ธนชาตฯ ปรับเพิ่มประมาณการกำไร ขึ้น 10-15% ในปี 2560-2561 แนะนำซื้อ WORK เรตติ้งที่ดีขึ้น หนุนการขึ้นค่าโฆษณา ให้ซื้อ WORK ด้วยเป้าหมายพื้นฐานใหม่ที่ 62 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก
1) เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มสื่อโดยตรง
2) กำไร WORK ไตรมาส 4 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่า จะแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 1 และ 2 ในปีนี้ จากเรตติ้งที่ดีขึ้น
โดยบางช่วงของ Prime Time มีเรตติ้งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากช่อง 7 เพียงช่องเดียว และการขึ้นค่าโฆษณาตั้งแต่ต้นปี 2560 และส่วนรายได้จากธุรกิจออนไลน์ผ่าน YouTube มีแนวโน้มมากกว่าที่คาดไว้เดิม จากเรตติ้งที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
"กำไรเติบโตเด่น 192% ปีนี้เป็น 579 ล้านบาท และ 41% เป็น 816 ล้านบาท ในปี 2561 ขณะที่ ถ้าพิจารณาในทางเทคนิคอิง TradeCode อยู่ที่ Let Profit Run เป้าหมาย 54.25 และถัดไปที่ 59.5 บาท ขณะที่ สัญญาณทางเทคนิค 4 ใน 5 ตัวบ่งชี้ทิศทางขาขึ้นต่อไป" นักวิเคราะห์ธนชาต ระบุ
ด้าน บล.บัวหลวงฯ WORK เป็นหนึ่งในผู้เล่นดิจิทัลที่ชื่นชอบ จากเรตติ้งที่ยังคงรักษาอันดับ 1 ในกลุ่มผู้เล่นทีวีดิจิทัลรายใหม่ได้อย่างแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกำไรที่สม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น WORK ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 20% จนเกินราคาเป้าหมาย แม้ว่าจะยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มธุรกิจในอนาคต แต่ ณ ราคานี้จึงแนะนำหาจังหวะย่อตัวและเข้มสะสมอีกครั้ง และยังคงคำแนะนำ "ถือ"