แฟชั่นเสื้อผ้าโตสวนเศรษฐกิจ 2แบรนด์ดังไทยย้ำภาพลักชัวรีเล็งต่อยอดสู่ระดับโลก

06 ก.พ. 2559 | 08:00 น.
2 กูรูแบรนด์แฟชั่นแถวหน้าเมืองไทย มั่นใจภาพรวมธุรกิจโตสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว "อาซาว่า" ปลื้มชุดราตรีขาว บนเวทีมิส ยูนิเวิร์ส ตอกย้ำความเป็นลักชัวรี่แบรนด์ เล็งต่อยอดสู่แบรนด์ระดับโลก ล่าสุดซุ่มเจรจาหาช่องทางเจาะตลาดอาเซียน ขณะที่ "POEM" ชี้แฟชั่นเสื้อผ้าไทยติดอันดับ 2 ในเอเชีย เป็นรองแค่เกาหลีใต้ เผยตลาดแข่งเดือดส่งผลแบรนด์เล็กแบรนด์น้อยทะยอยปิดกิจการ แย้มเตรียมรุกตลาดเต็มที่ทั้งในและต่างประเทศ หวังสร้างเอกลักษณ์บนแคทวอล์คแฟชั่นโลก

นายพลพัฒน์ อัศวะประภา กรรมการบริหาร บริษัท อาซาว่า จำกัด เจ้าของแบรนด์"อาซาว่า" (ASAVA) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ทิศทางอุตสาหกรรมธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าเมืองไทยปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังค่อนข้างชะลอตัวอยู่ หากแต่กลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ยังสามารถสร้างการเติบโตและยอดขายได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปมีกำลังซื้อสูงอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าที่แม้จะยังมีการเติบโต แต่การแข่งขันและจำนวนผู้เล่นก็สูงตามไปด้วย อย่างไรก็ดีพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีแบรนด์จำนวนไม่น้อยที่สูญหายไปจากตลาด เพราะการแข่งขันที่สูง โดยแบรนด์ที่สามารถอยู่ได้จะต้องเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

สำหรับในปีนี้ บริษัทเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ที่มากขึ้นไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยอาศัยจุดเด่นของแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้านงานดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นอีโมชั่นนอลและฟิซิคอล สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายและมีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ตามต้องการ

ขณะที่ผลงานการดีไซน์ชุดราตรีสีขาวที่ "แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" ใส่ประกวดบนเวที Miss Universe 2015 ในนามแบรนด์อาซาว่านั้น เป็นอีกหนึ่งช่องทางทางของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ถือเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ในระดับลักชัวรี่ของอาซาว่าได้เป็นอย่างดี แต่ในแง่ของภาพลักษณ์ด้านธุรกิจในระดับอินเตอร์แล้วคงต้องวัดกันในระยะยาว 2-3 ซีซั่นเป็นต้นไป จึงจะเป็นการสร้างแบรนด์ที่น่าสนใจและน่าร่วมทุนด้วย โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจในการนำแบรนด์ไปขยายตลาดในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 11 แห่ง และยังไม่มีแผนขยายสาขาในประเทศเพิ่มขึ้น

"มองว่าแบรนด์อาซาว่าก็เป็นเหมือนลูกชายที่เราปั้นมากับมือ ดังนั้นการที่จะให้ลูกของตัวเองไปอยู่ต่างประเทศหรือไปอยู่ในที่ใหม่ๆ เราต้องมั่นใจว่าคนที่จะดูแลแบรนด์หรือพาร์ทเนอร์ของเราต้องดูแลและเตรียมพร้อมให้ลูกเราได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการวางรากฐานให้แบรนด์ของเราสามารถอยู่ได้ในตลาดต่างประเทศแบบมั่นคง จึงไม่ได้รีบร้อนในการตั้งเป้าหมายของสาขาในต่างประเทศว่า จะเป็นภายในปีนี้หรือปีไหน "

ปัจจุบันอาซาว่า กรุ๊ป ประกอบไปด้วย 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.แบรนด์อาซาว่า (Asava) 2.เอเอสวี บาย อาซาว่า 3.ยูนิฟอร์ม บาย อาซาว่า และ4.ซาว่า ไดน์นิ่ง ร้านอาหารน้องใหม่ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการสาขาแรกที่ดิ เอ็มควอเทียร์ ในเดือนเมษายน 2558 และมีแผนขยายสาขาให้ได้ 3 แห่งภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ โดยจะเน้นการขยายสาขาในเมืองหลักและกรุงเทพฯก่อน เนื่องจากแบรนด์ของร้านสามารถตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการไลฟ์สไตล์ใหม่ๆได้มากกว่า ผ่านรูปแบบของร้านอาหารที่เอาวัฒนธรรมความเป็นไทยมาผสานกับอาหารจากชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และยุโรป เป็นต้น

ด้านนายชวนล ไคสิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ บริษัท ไฮคีย์ จำกัด เจ้าของแบรนด์แฟชั่น"POEM" กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจแฟชั้นเสื้อผ้าเมืองไทย ถูกจัดให้อยู่ในระแถวหน้าของภูมิภาคเอเชีย เป็นรองเฉพาะตลาดแฟชั่นในเกาหลีใต้เท่านั้น ขณะที่การแข่งขันภายในประเทศยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีนักธุรกิจหน้าใหม่ต่างหันมาให้ความสนใจกับแฟชั่นเสื้อผ้า ทั้งที่เปิดแบรนด์เป็นของตัวเอง และนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศ แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลกในปัจจุบัน ส่งผลให้ตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าต้องงัดกลยุทธที่หลากหลายออกมาแข่งขัน เพื่อให้สามารถอยู่รอดในตลาดได้มากขึ้น หลังจากที่มีแบรนด์น้องใหม่หลายรายหายไปจากตลาด

"ต้องยอมรับว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การแข่งขันในตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าเมืองไทยสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ตลาดแมสและบรรดาฟาส์ตแฟชั่นเท่านั้น หากแต่ตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น สังเกตได้จากแบรนด์ดังระดับบนของคนดัง เซเลป ดารา เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งการที่คนดังหันมาทำแบรนด์เป็นของตัวเอง มีข้อได้เปรียบมากกว่า เนื่องจากมีฐานกลุ่มเป้าหมายเป็นแฟนคลับที่อยู่ในช่องทางทางออนไลน์หลักแสน-ล้านรายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็มีหลายรายที่หายไปจากตลาดเช่นกัน เนื่องจากขาดความเข้าใจในธุรกิจและขาดการมีโนฮาวที่ดี ดังนั้นการจะอยู่รอดได้จำเป็นต้องมีทั้งสองสิ่งควบคู่กันไปด้วย"

สำหรับแผนงานในปีนี้ของบริษัทจะเดินหน้ารุกตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในตลาด หลังจากที่ผ่านมาไม่เคยมีการทำตลาดอย่างจริงจังมาก่อน โดยรูปแบบและกลยุทธ์หลักเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันในตลาดแฟชั่นมีสูง นอกจากนี้ยังจะมีการจัดแคมเปญใหญ่ฉลองครบรอบ 10 ปีแบรนด์POEM ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ในคอลเลคชั่น Autumn & Winter โดยวางเป้าหมายช่วงที่มีการจัดอีเวนต์ใหญ่เติบโตที่ 20-30% จากช่วงปกติ นอกจากนี้ยังเตรียมขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 1 แห่งที่ศูนย์การค้าเกษร ในช่วงเดือนมีนาคม บนพื้นที่ 100 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นการขยายช้อปเสื้อผ้าผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่งจากปัจจุบันที่มีช้อปเสื้อผ้าผู้ชายอยู่แล้ว

"การสร้างแบรนด์ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของการขยายตลาด ที่ผ่านมาถือว่าแบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้หลังจากที่มีการดีไซน์ชุดราตรีสีแดงให้กับแนท อนิพรณ์ เพื่อใส่ในการร่วมประกวด Miss Universe 2015 ก็ถือว่าได้รับกระแสตอบรับที่แรงในระดับหนึ่ง"

นอกจากนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทมีแผนจับมือกับตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวดูไบ เพื่อนำไปจำหน่ายในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต์ ในรูปแบบตามสั่ง (Made to order) และอยู่ระหว่างศึกษาตลาดในปักกิ่ง ประเทศจีนด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเข้าไปจัดจำหน่ายได้ภายในปีนี้ เบื้องต้นอยู่ระหว่างการปรับรูปแบบดีไซน์ในแบบมุสลิม และแต่ละท้องที่ รวมถึงการปรับขนาดให้พอดีกับรูปร่างของชาวตะวันออกกลางที่มีขนาดใหญ่กว่าชาวเอเชีย โดยปัจจุบันบริษัทมีการเข้าไปทำตลาดแล้วในประเทศจีน 2 แห่ง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ และเฉินตู สิงคโปร์ 1 แห่ง และฮ่องกง 1 แห่ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,128 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559