“เนชั่น”ยื่นก.ล.ต.ให้ดำเนินการกล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร หลังพบหลักฐานงบการเงินปี 2558 ถึง 2560 อาจเข้าข่ายตกแต่งบัญชี โดยบันทึกรายได้ค้างรับเกินจริง พร้อมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 31 ต.ต. อนุมัติงบการเงินปี 60
นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ วันนี้ (11ต.ค.) ว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งต่อผู้ถือหุ้นในเบื้องต้นให้ทราบว่าบริษัทได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินและพบว่า ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงบการเงินประจำปี 2560 ของบริษัท มีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ที่อาจเป็นการบันทึกรายได้อันเป็นเท็จและไม่สอดคล้องกับผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริง จึงจำเป็นต้องขอเลื่อนการนำส่งงบการเงินประจำปี 2560 นั้น
โดยหนังสือฉบับนี้ บริษัทขอชี้แจงว่า คณะกรรมการบริหารของบริษัท(ซึ่งเริ่มเข้ารับตำแหน่งในช่วงก.ย.2560-ม.ค.2561) ได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัทและได้พบข้อสงสัยที่เกี่ยวกับรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ ซึ่งบันทึกอยู่ในงบการเงินของบริษัทระหว่างปี 2557-2560
คณะกรรมการบริหารจีงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน-ชุดพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาสอบสวนและรวบรวมพยายนหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญที่อาจเป็นการบันทึกรายได้อันเป็นเท็จ เพื่อให้งบการเงินมีข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงตามความเป้นจริง สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัท และมูลค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นโดยรวม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.2561 เป็นต้นไป เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อข้อสงสัยในงบการเงินประจำรอบปี 2557-2560
คณะทำงานได้สอบสวนพนักงานที่เกี่ยวข้อง และได้ประชุมร่วมกัน 4 ครั้ง เมื่อวันที่ 6,13,21 และ 23 มี.ค.2561 ตามลำดับ ปรากฎพบความผิดปกติจากกรณีการบันทึกรายได้ค้างรับที่มีนัยสำคัญ จึงรายงานต่อคณะกรรมการบริหารของบริษัท และคณะกรรมการบริหารของบริษัทจึงได้รายงานต่อไปยังคณะกรรมการบริษัท
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า ข้อมูลตามที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการบริหาร ผ่านคณะทำงาน-ชุดพิเศษ เป็นข้อมูลที่แสดงถึงความผิดปกติของรายการในงบการเงินบางรายการ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญต่องบการเงิน ดังนั้นบริษัทจึงยังไม่สามารถออกงบการเงินประจำปี 2560 เพื่อรับรองผลการดำเนินงานได้ และทำให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ ในระหว่างตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้นแน่ชัด บริษัทจึงได้ขอเลื่อนการนำส่งงบการเงินประจำปี 25660 เป็นจำนวน 6 ครั้ง และได้เปิดเผยสารสนเทศผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและยืนยันถึงความชอบด้วยกฎหมายและหลักการทางบัญชีของการบันทึกงบการเงินในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการบันทึกรายได้ค้างรับที่ผิดปกติของบริษัท บริษัทจึงประสานงานและว่าจ้างให้บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จํากัด (ผู้สอบบัญชี) ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ที่ได้ ตรวจสอบงบการเงินของบริษัทในช่วงปี 2557 ถึง 2560 ให้ตรวจสอบข้อมูลรายได้ค้างรับของบริษัทและบริษัทย่อย ของงบการเงินประจําปี 2560 สิ้นสุด 31 ธ.ค.2560 อีกครั้ง
ภายหลังจากการตรวจสอบดังกล่าวผู้บริหารของบริษัทจึงได้ปรับปรุงและแก้ไขงบการเงินที่เกี่ยวข้องย้อนหลังเพื่อให้งบการเงินดังกล่าวแสดงข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความจริงและสะท้อนถึงผลการดําเนินงานที่แท้จริงของบริษัท ปรากฏข้อความบันทึกไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ของผู้สอบบัญชีข้อ 3 เรื่องการปรับปรุงรายการทางการบัญชีดังนี้
“คณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทได้แจ้งต่อสาธารณชนว่ามีข้อสงสัยในการรับรู้รายได้ค่าโฆษณาของปี 2560 และปีก่อนๆ กรรมการและผู้บริหารของบริษัทจึงได้สอบสวนกระบวนการและวิธีการทางบัญชีที่เกี่ยวกับการรับรู้รายได้ค่าโฆษณาของกลุ่มบริษัทและบริษัท ทั้งนี้ผู้บริหารพบว่าการรับรู้รายได้ค่าโฆษณาในงวดก่อนๆ จํานวนหนึ่งไม่มีหลักฐานที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ ตลอดจนไม่เป็นไปตามกระบวนการและวิธีการทางบัญชีที่กลุ่มบริษัทกําหนดไว้ ดังนั้นผู้บริหารจึงได้ปรับปรุงและแก้ไขงบการเงินที่เกี่ยวข้องย้อนหลัง ...”
ดังนั้นจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการลงบันทึกรายรับเกินจริงในงบการเงินของบริษัท อันเป็นเหตุให้บริษัทมีรายได้ค้างรับปรากฏในงบการเงินเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสําคัญ โดยคณะทํางาน-ชุดพิเศษ มีความเห็นว่า พฤติกรรมของกรรมการบริษัทฯ และ/หรือผู้บริหารของบริษัทในขณะนั้น อาจมีลักษณะเป็นการลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสําคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบคุคลนั้นหรือทําบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง เป็นเหตุให้งบการเงินของบริษัท สําหรับงวดสิ้นสุด ปี 2558, 2559 และ 2560 มีรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมีนัยสําคัญ ทําให้บริษัท และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย
ปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทได้แก้ไขเรื่องรายได้ค้างรับเกินกว่าความเป็นจริงและได้พิจารณาอนุมัติงบการเงินประจําปี 2560 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2561 และจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3 /2561 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 31 ต.ค. 2561 ต่อไป
จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของคณะกรรมการบริษัทฯและผู้บริหารช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้นมีความน่าสงสัย และไม่เป็นไปตามหลักความไว้วางใจ(Fiduciary Duties) และหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) รวมถึงไม่เป็นไปตามมาตรา 89/7 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม)
รวมถึงการให้คํารับรองข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสําคัญผิดในฐานะทางการเงินของบริษัทสําหรับงบการเงินประจําปี 2558 และ 2559 ตามมาตรา 240 และ 312 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอาจทําให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ผู้ถือหุ้น หรือผู้ลงทุนและเกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจโดยรวม
บริษัทจึงได้ส่งผลการตรวจสอบรวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องไปยังหน่วยงานกํากับดูแล เพื่อ ดําเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายอิสระเพื่อดูแลรับผิดชอบในเรื่องการใช้สิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในการนี้บริษัทขอยืนยันว่ากรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันของบริษัท(ซึ่งเริ่มเข้ารับตําแหน่งในช่วงก.ย.2560-ม.ค.2561ที่ผ่านมา) ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัด ระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการและผู้บริหารชุดปัจจุบันได้ดําเนินการแก้ไขการกระทําผิดของผู้บริหารในขณะนั้นเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมาย และมีความตั้งใจที่จะกํากับดูแลการนําส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดําเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมาย