ทางออกนอกตำรา : ‘นายกฯลุงตู่’ รู้บ้างมั้ย! สลากแพงได้ใจ ใครกินพุงกาง

24 ต.ค. 2561 | 11:14 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ต.ค. 2561 | 18:14 น.
นายกตู่-1 2017070202yu01 นับเป็นเวลา 3 งวดแล้ว ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ดำเนินการพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลออกมาขายให้กับประชาชนคนไทยจำนวนมหาศาล 90 ล้านฉบับ มากกว่าจำนวนประชากรของประเทศไทย ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงยันเฒ่าชแรแก่ชราทั้งประเทศที่มีแค่ 75-76 ล้านคน ภายใต้เหตุและผลว่า เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา...

แต่ท่านเจ้าค่ะ “วันนี้ราคาสลากไม่ได้ถูกลงเลย ประชาชนยังต้องซื้อจากพ่อค้า แม่ค้าในราคา 90-100 บาทต่อฉบับ เหมียนเดิม”

ทำไม เป็นเช่นนั้น...

ผมกระทุ้งเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ที่เป็นประธานกรรมการถึง 2 ครั้ง แต่เรื่องนี้กลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ...

จนล่าสุด อดีตข้าราชการคนหนึ่งที่เคยเป็นอดีตกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมาพูดคุยกับผมและบอกว่า ช่วยผลักดันเรื่องนี้หน่อยเถอะ เพราะยิ่งปล่อยให้พิมพ์สลากจำนวนมากเท่าไหร่ คนที่รวยหนำใจคือบรรดา “เจ้าพ่อ เจ้าแม่ สลากกินแบ่งรัฐบาล” รายใหญ่ รายกลางเช่นเดิม มิใช่กระทรวงการคลัง

และที่สำคัญกว่านั้นคือการเหยียบยํ่า มอมเมาคนฐานรากผู้มีรายได้น้อย เพราะเป็นการหลอกดึงเงินในกระเป๋าของคนเหล่านี้ออกมาซื้อสลากรัฐบาล ด้วยความหวังว่าจะถูกรางวัล...รวย...รวย...
6565654 อดีตบอร์ดสำนักงานสลากฯ ท่านนี้ ไม่ได้มามือเปล่า แต่เอาข้อมูลมาอธิบายให้เห็นแบบถี่ยิบว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่ คสช.เข้ามากำกับการในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด บอร์ดสลากมีมติสั่งพิมพ์สลากเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด พิมพ์เพิ่มแบบไม่หยุดหย่อนเสียด้วย

งวดวันที่ 30 ธันวาคม 2559 พิมพ์สลากออกมาขายประชาชน 65 ล้านฉบับ

งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 พิมพ์เพิ่มเป็น 71 ล้านฉบับ

งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2561 พิมพ์เพิ่มเป็น 87 ล้านฉบับ

ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2561 พิมพ์เพิ่มเป็น 90 ล้านฉบับ สูงสุดในประวัติศาสตร์ จากเดิมที่พิมพ์อยู่เพียงแค่ 37 ล้านฉบับ โดยแบ่งการขายออกไปดังนี้ 60 ล้านฉบับ ขายให้พ่อค้ารายย่อยไป อีก 30 ล้านฉบับ ขายให้พ่อค้ารายใหญ่
090861-1927-9-335x503-8-335x503 เพิ่มเพื่อน

ผมถามท่านว่า การพิมพ์สลากออกมาจำนวนมากแบบนี้ใครได้ประโยชน์!

ท่านอธิบายว่า คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2558 ที่ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 กำหนดสัดส่วนเงินรางวัล จัดสรรกำไรให้ผู้จำหน่าย เพื่อดูแลการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ให้ขายเกินราคาไว้ เพื่อควบคุมรายได้ทั้งหมดจากการขายสลากให้แบ่งตามสัดส่วนดังนี้

(1) ร้อยละหกสิบเป็นเงินรางวัล
(2) ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบเป็นรายได้แผ่นดิน
(3) ไม่เกินกว่าร้อยละสิบเจ็ดเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย
(4) ร้อยละสามเป็นเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม ต่อมามีการแก้เป็นร้อยละ 1

ในหมวดแบ่งจัดสรรรายได้กำหนดว่า ต้องแบ่ง 14% เป็นส่วนลดให้กับตัวแทนจำหน่ายสลาก ผลที่ตามมาผู้ขายรายย่อยมีต้นทุนสลากลดลงจากเดิมฉบับหรือคู่ละ 74.40 บาท เหลือ 70.40 บาทต่อคู่ ทำให้ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยมีกำไรเพิ่มขึ้น จากเดิม 5.60 บาทต่อฉบับ เพิ่มขึ้นเป็นคู่ละ 9.60 บาท กำไรฉบับละ 7.68%

ตัวแทนจำหน่ายประเภทนิติบุคคล มูลนิธิ-สมาคมนิติบุคคล เดิมมีต้นทุนคู่ละ 72.80 บาท ลดเหลือ 68.80 บาทต่อฉบับหรือต่อคู่ ทำให้ตัวแทนจำหน่ายกลุ่มนี้มีกำไรเพิ่มจาก 7.20 บาท เป็น 11.20 บาทต่อคู่หรือต่อฉบับ คนขายกำไร 8.96%

การออกสลาก 90 ล้านฉบับ/งวด เป็นเวลา 1 ปี จะทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้มหาศาลถึง 1.5 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นต้นทุนขายให้รายย่อย 70.40 บาท/ฉบับ ซึ่งมีโควตา 60 ล้านฉบับเท่ากับ 4,224 ล้านบาท/งวด เดือนละ 8,448 ล้านบาท

ต้นทุนขายขององค์กร มูลนิธิ 68.80 บาท/ฉบับ มีโควตา 30 ล้านฉบับ เท่ากับ 2,064 ล้านบาท/งวด เดือนละ 4,128 ล้านบาท

รวมต้นทุนทั้งหมด 6,288 ล้านบาท/งวด หรือเดือนละ 12,576 หมื่นล้านบาท 1 ปี เท่ากับว่ามีต้นทุนขาย 150,912 ล้านบาท

หักส่วนแบ่งรางวัลตามระเบียบออกไป 60% เท่ากับ 90,547 ล้านบาท เหลือเงินอยู่ 60,365 ล้านบาท

หักค่าบริหาร 20-30% เหลืออยู่เท่ากับ 12,073-18,109 ล้านบาท

เหลือเป็นเงินรายได้นำส่งเข้ารัฐไม่น้อยกว่า ปีละ 40,000-42,255 ล้านบาท...นี่คือรายได้ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้
989898989877 คราวนี้มาดูว่าการพิมพ์สลาก 90 ล้านฉบับแล้วให้ขายเกินราคาเฉลี่ย 90-100 บาท/ฉบับ จะมีใครได้ผลประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่ให้ขาย 80 บาท หรือมีส่วนต่างราว 20 บาท/ฉบับ อดีตบอร์ดสลากฯ ท่านนี้บอกกับผมว่า จะมีเงินที่เครือข่ายธุรกิจสลากรับไปจากการขายเกินราคาแค่ 10-20 บาท นี่แหละ งวดละ 900-1,800 ล้านบาท เดือนละ 1,800- 3,600 ล้านบาท... โอย...มากมายมหาศาล

เพราะถ้าเพียงแค่ขายสลากเกินราคา 10-20 บาท เพียง 1 ปี จากจำนวนสลาก 90 ล้านฉบับ เท่ากับว่าบรรดาผู้ค้าที่ขายสลากเกินราคา จะมีรายได้มากมายถึงปีละ 21,000-43,200 ล้านบาท เลยทีเดียว

รายได้ของพ่อค้าขายหวย กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลผู้เป็นเจ้าของและพิมพ์ออกมาขายเกือบเท่ากัน...ยิ่งพิมพ์มาก พ่อค้ายิ่งได้มาก

ผมถามต่อว่า แล้วใครรายไหนที่ได้ประโยชน์มากสุด...ท่านบอกว่าให้ไปถามท่าน ธนวรรธน์ พลวิชัย ในฐานะกรรมการคนปัจจุบัน เพราะเพิ่งออกมาบอกว่า ที่แก้ปัญหาสลากขายเกินราคาตอนนี้ไม่สำเร็จ เพราะรายใหญ่ที่เคยสงบเสงี่ยมเจียมตัวออกมาอาละวาดขายสลากเกินราคาด้วยการรวมชุดกันสนั่นเมือง

แล้วรายใหญ่นั้นเป็นใคร....ท่านไม่บอก แต่ใบ้ให้ว่า 5 เสือสลากที่เคยรับโควตาไป 7.9 ล้านฉบับคู่ หรือ 15.8 ล้านฉบับ/งวด และเคยนำมาจัดสรรให้ขายผ่านธนาคารกรุงไทยนั้น ปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้หวนคืนสนามมาเรียบร้อยแล้ว และเข้าไปขยายกิจการผ่านรายใหญ่ที่มีอยู่ประมาณ 2,495 ราย ที่ได้รับการจัดสรรไป 58 ล้านฉบับเรียบร้อยโรงเรียน 5 เสือ...เอิ้ก...

นอกจากนี้กลุ่มรายใหญ่เหล่านี้ยังเข้าไปจัดจ้างคนไปจองซื้อสลากที่จัดสรรผ่านธนาคารกรุงไทย 42 ล้านฉบับเกือบ 20% เรียกว่า มีการว่าจ้างม้าเร็วออกไปนั่งจองที่ธนาคารกันเลยทีเดียว
ดังนั้นยิ่งพิมพ์มาก รายใหญ่เหล่านี้ยิ่งคุมตลาดมากขึ้น...นายกฯลุงตู่ ท่านผบ.ทบ.ครับ ได้ยินมั้ย...

| คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
| โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3412 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.2561
595959859