"นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา" ยื่นฟ้องเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาทุจริตฯภาค 1 จงใจละเว้นการสอบสวนเรื่องการให้สินบนข้ามชาติ เพื่อช่วยเหลือทีมสอบข้อเท็จจริงปาล์มอินโดฯ
เมื่อวันที่ 30 เม.ย.62 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณา คดีหมายเลขดำที่ อท.3/2562 ที่นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฯ ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมป.ป.ช.ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
สืบเนื่องจากมีข้อความบางช่วงบางตอนว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบหมายโดยตรงจากคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ และคณะป.ป.ช.ซึ่งเดินทางไปสอบข้อเท็จจริงที่ประเทศอินโดนีเซีย และผู้เกี่ยวข้องในการสอบสวนพยานที่ประเทศอินโดนีเซียที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง
เห็นได้จากคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีหนังสือที่ปช 0019/0601 ถึงโจทก์ แจ้งว่า “กรณีที่ท่านขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและลงโทษกรมการป.ป.ช.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสอบพยานที่ประเทศอินโดนีเซีย และขอให้เปิดเผยผลการสอบสวนเรื่องถุงสินบนและการสอบพยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ประเทศอินโดนีเซีย รวม 21 ประเด็น ตามหนังสือที่ ปช0019/2365 ลงวันที่ 8 ธันวาคม2560 นั้น ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติมอบให้เลขาธิการป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป”
หนังสือฉบับดังกล่าวไม่อาจตีความหรือแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีมติให้จำเลยดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง รวม 21 ประเด็น และแจ้งผลให้กับโจทก์ทราบต่อไป และจำเลยย่อมรับรู้รับทราบถึงหนังสือฉบับที่ 1 ถึง ฉบับที่ 8 พร้อมทั้งพยานหลักฐานที่สำคัญทั้งหมดที่โจทก์ได้นำส่งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ผ่านจำเลย