ในยุคนี้ ถ้าเอ่ยถึงแวดวงนักลงทุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีใครไม่รู้จัก คนหนุ่มที่ชื่อ “เบน เตชะอุบล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการ “เจ้าพระยา เอสเตท” โครงการที่พักอาศัยและโรงแรมริมแม่นํ้าเจ้าพระยามูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ที่ประกอบด้วย โฟร์ซีซันส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยหรูระดับลักชัวรีสูง 73 ชั้น และโรงแรมระดับเวิลด์คลาสถึง 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ และโรงแรมคาเพลลา
“คุณเบน” เป็นทายาทคนที่ 2 ในจำนวน 4 คนของเจ้าพ่อเรียลเอสเตตมืองไทย “สดาวุธ-อรวรรณ เตชะอุบล” ที่ไปอยู่ออสเตรเลียตั้งแต่เกิด และกลับมาเมืองไทยพร้อมประสบการณ์มากมายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บวกกับดีกรีเกียรตินิยม ทั้งปริญญาตรี สาขากฎหมายและการค้าจากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ออสเตรเลีย ต่อด้วยเอ็มบีเอจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์
ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ ออกตัวก่อนเลยว่า เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ที่แน่ๆ คือ เขาบริหารเก่งและลงทุนเก่ง จนคนในแวดวงอสังหาฯและการลงทุนต้องยอมยกนิ้วให้ และด้วยความท้าทายกับอภิมหาโครงการเจ้าพระยา เอสเตท ที่กำลังจะเปิดให้บริการประมาณปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปี 2562 นี้ โดยก่อนหน้านี้เขาได้ทำโครงการ อิลิเม้นท์ ศรีนครินทร์ ประสบความสำเร็จมาแล้ว และยังมีโครงการที่เคยทำที่ออสเตรเลีย และระหว่างการสร้างโครงการเจ้าพระยา เอสเตท แห่งนี้ เขายังไปลงทุนอีกหลายโปรเจ็กต์ โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ มีทั้งโครงการโรงเรียน ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ โดยแต่ละธุรกิจที่เลือกลงทุนจะต้องมีรีเทิร์นไม่น้อยกว่า 15-20% รวมทั้งต้องเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และมีการเติบโต
ส่วนในไทย เขายังมีโครงการที่บริเวณพระราม 3 ที่จะเปิดโปรเจ็กต์ใหญ่อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่จะประกาศแผนงานภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ส่วนที่อีก 80 ไร่ ที่ฉะเชิงเทรา กำลังรอดูความเหมาะสม และจังหวะในการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะทำโปรเครรีเทล Low Rise
เมื่อถามว่า การตัดสินใจในการลงทุนแต่ละครั้งของเขาคืออะไร “คุณเบน” ยกตัวอย่างการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เขามองถึงการลงทุนในสิ่งที่มีรายได้สมํ่าเสมอ และอยากลงในสิ่งที่ทำแล้วมีจุดเด่นจริงๆ เพราะการพัฒนาในไทยมีเยอะมาก และหลายๆ ครั้งแยกไม่ถูก ทำเลห่างกันนิดเดียว โครงการมีความคล้ายกันจนไม่เห็นความต่าง... แต่ของเราเวลาพัฒนา เราจะเน้นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง อย่างโครงการนี้ เริ่มแรกคนไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องทำเป็นซูเปอร์ลักชัวรีริมนํ้า แต่เรามองว่า ถ้ามันมีโรงแรมแบบนี้จริง ไลฟ์สไตล์และแบรนด์เป็นแบบนี้ มันก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้
โครงการนี้ เป็นหนึ่งในโครงการที่เขาทุ่มเทอย่างมาก ตลอดช่วงที่เข้ามารับผิดชอบ ตั้งแต่การบริหารพื้นที่เคลียร์กว่า 300 ครัวเรือนที่อยู่เดิม บนพื้นที่ 36 ไร่ ให้กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยไม่มีผลกระทบหรือปัญหาใดๆ เลย ในช่วงเริ่มต้น จนกระทั่งมาในช่วงก่อสร้าง และกำลังจะเปิดให้บริการได้เร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มอีกมหาศาล
ส่วนการลงทุนอื่นๆ “คุณเบน” บอกว่า โฟกัสในการลงทุนของเขาคือ การเลือกลงทุนในธุรกิจที่สร้างรายได้สมํ่าเสมอ เช่น โรงแรม โรงเรียนนานาชาติ ให้ความสำคัญในจุดนี้มากถึง 50% การมองว่าอสังหาฯเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน เพราะความเป็นเจ้าของในตัวอสังหาฯ เขาสร้างเสร็จอยู่แล้ว มีรายได้ด้วย มันดีมากๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และด้วยเน็ตเวิร์กที่มีอยู่ จึงทำให้มีโอกาสเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งเขาจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นท็อปส์มาร์เก็ต เมื่อลงทุนแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการเพิ่มมูลค่า
ในระยะยาวของคันทรี่ ผู้บริหารคนนี้บอกว่า จะเน้นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่ธุรกิจในเซ็กเตอร์ที่มีความน่าสนใจ เป็นธุรกิจ Growth Sectors หรือ Sunrise วันนี้ที่คันทรี่ กรุ๊ป มีแล้ว คือ โรงแรม โรงเรียน ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย ทว่า ในแต่ละธุรกิจมันมีคุณสมบัติที่มีความชัดเจน
“ผมคิดว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เหมือนในตลาด อันไหนฮอตคู่แข่งก็เยอะ เราไม่ไปแข่ง เราจะแข่งที่มีจุดเด่น ที่สำคัญในมุมการลงทุนของผู้ชายคนนี้ เขาไม่เน้น Land Bank หรือการซื้อที่ดินสะสม เราจะเน้น ที่ที่มีโอกาส และมาร์จินสูง แต่โอกาสมีอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมีอยู่เยอะมาก”
การลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย “คุณเบน” บอกว่า เขาไม่ใช่คนที่เข้าไปทำหน้าที่บริหารรายวัน แต่เขาคือนักลงทุนและนักพัฒนา ส่วนงานบริหารโปรเจ็กต์รายวัน คือการคัดเลือกพาร์ตเนอร์ที่มีศักยภาพเข้ามาเสริมและต่อยอด เขาบอกว่า การเป็นนักลงทุนที่ดี นอกจากทักษะด้านการเงินแล้ว ทักษะในการป็นผู้นำ ที่สามารถนำทีมงาน และสร้างแรงบันดาลใจ (Inspire) ทุกๆ คนได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือพาร์ตเนอร์ นั่นคือสิ่งสำคัญ โดยผู้นำต้องมีความชัดเจนในการโน้มน้าว (Convince) นี่คือคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้
“ผมเจรจาไม่เก่ง แต่เราคิดว่า สิ่งที่เราทำด้วยความตั้งใจ และมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง...นั่นคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของ
คันทรี่ กรุ๊ป สามารถเดินหน้ามาได้และจะเดินต่อไปสู่เป้าหมายที่มั่นคงและยั่งยืน”
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,476 วันที่ 6 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562