หลังจากรอคอยและถกเถียงกันมานาน ในที่สุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมได้มีมติอนุมัติกองทุนใหม่ภายใต้ชื่อ กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund หรือ SSF) เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวแทนกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ Long Term Fund หรือ LTF
LTF เป็นกองทุนรวมตั้งแต่ปี 2547 จำหน่ายครั้งแรกปี 2550 ซึ่งตอนนั้นให้ลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินหรือไม่เกิน 3 แสนบาท ต่อมากระทรวงการคลังขยายวงเงินเป็นไม่เกิน 5 แสนบาท เมื่อปี 2551 สิ้นสุดมาตรการลงปี 2559 แต่รัฐบาลที่ผ่านมา ขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ถึงสิ้นปี 2562 นี้
สำหรับกองทุน SSF บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้ ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ทั้งกองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ เบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี
กองทุน SSF สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภทไม่กำหนดจำนวนขั้นตํ่าในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่กำหนดเงื่อนไขในการซื้อต่อเนื่อง แต่ผู้ซื้อกองทุน SSF สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ และเงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF ได้ 5 ปี คือระหว่างปี 2563 - 2567
นอกจากครม.ยังเห็นชอบให้ปรับสัดส่วนการหักลดหย่อนภาษี สำหรับเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จากเดิมไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินเป็นไม่เกิน 30% เพื่อให้เท่าเทียมกับกองทุน SSF โดยยังคงกำหนดวงเงินหักลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ซึ่งรวมถึงกองทุน SSF ด้วยเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออมได้มากขึ้น
นอกจากนั้นยังยกเลิกจำนวนขั้นตํ่าในการซื้อกองทุน RMF จากเดิมที่กำหนดให้ซื้อไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมินหรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี แล้วแต่จำนวนใดจะตํ่ากว่า เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อยสามารถซื้อกองทุน RMF ได้โดยยังคงกำหนดให้ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกันเช่นเดิม
ส่วน LTF แม้จะสิ้นสุดสิทธิทางภาษีปี 2562 นั้น นักลงทุนจะยังคงสามารถซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน LTF ได้ เพราะกระทรวงการคลังได้เสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF เช่นเดียวกับกองทุนรวมอื่นๆ ด้วย
หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,529 วันที่ 8 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562