มุมมองใหม่ เที่ยว‘ศรีลังกา’

        หากนึกถึง “ศรีลังกา” คนส่วนใหญ่ต่างคุ้นชินกับทัวร์สายบุญ การมุ่งสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์ “แคนดี้” เพื่อไปกราบสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้ว รวมถึงการชมไร่ชาซีลอน ซึ่งดูๆ ไปก็คงไม่เหมาะกับคนชอบเที่ยวในสไตล์ชิกๆ เก๋ๆผจญภัยค้นหาความตื่นเต้นอย่างเราสักเท่าไหร่ แต่ความคิดนี้หายไปเลย เมื่อมีโอกาสได้ไปค้นพบการท่องเที่ยวศรีลังกา ในอีกมุมมองที่ต่างจากเดิม กับทริป “Journey to Sri Lanka with KTC”

     โจทย์ของทริปนี้คือการเที่ยวศรีลังกา ในมุมมองใหม่  ดังนั้นทันทีที่เครื่องบินของ “ศรีลังกา แอร์ไลน์” ถึงกรุงโคลัมโบ ล้อรถพร้อมหมุนนำเรามุ่งหน้าลงใต้ ปักหมุดจุดหมายแรกกันที่ “เมืองกอลล์” เมืองชายทะเล ที่เราสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของวิถีชีวิตการทำประมงพื้นบ้านของผู้คนที่นี่ 

       โดนใจมากๆ กับการนั่งรถตุ๊กตุ๊ก ชมความยูนีคเส้นทางสายประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าแห่งนี้ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโปรตุเกสเข้ายึดครองเมื่อราวศตวรรษที่ 16 ซึ่งยังคงพบเห็นสถาปัตยกรรมในยุคโคโลเนียลหลงเหลืออยู่ 

       ไฮไลต์อยู่ที่ “ประภาคารเมือง กอลล์” ประภาคารรูปลักษณ์คล้ายดาว 5 เหลี่ยม และเก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา อายุกว่า 168 ปี  ชิลมากกับการนั่งชมวิวหันหน้าเข้าหาทะเลสีเขียวมรกต

         ทั้งไม่ไกลกันยังเป็นที่ตั้งของ “สุเหร่ามีรา” มัสยิดที่มีอายุราว 300 ปี สำรวจ “ป้อมปราการเมือง กอลล์” มีหอนาฬิกา ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า ผลงานในยุคล่าอาณานิคม และเป็นป้อมใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเอเชีย บนพื้นที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตร ที่ถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก 

 

      ทั้งความพิเศษของที่นี่คือเป็นป้อมที่มีศาลเจ้าจีน มัสยิด และโบสถ์คริสต์ รวมอยู่ภายในเมืองแห่งนี้ ซึ่งคนขับรถตุ๊กตุ๊กจะเป็นไกด์นำเราเที่ยว และหามุมสุดชิกให้เราถ่ายรูปกันเพลิน จนหมดแสงสุดท้ายของวันกันเลย

          ก่อนจะเริ่มวันใหม่ด้วยการมุ่งสู่ “มิริสซ่า” เมืองที่อยู่ใต้สุดของศรีลังกา เพื่อเปิดประสบการณ์ความตื่นเต้นกับการผจญภัยในแบบซาฟารีทั้งทางทะเลและทางบกไปพร้อมๆ กันภายในวันเดียว

          เริ่มจากซาฟารีทางทะเล กับการไปล่องเรือส่องโลมาและวาฬสีนํ้าเงิน โดยเรือประมงที่ดัดแปลงเป็นเรือ 2 ชั้น นำเราโต้คลื่นมหาสมุทรอินเดีย ไปชมฝูงโลมาและวาฬสีนํ้าเงิน สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มวัยอาจยาวถึง 30 เมตร หนักกว่า 100 ตัน ซึ่งการ
เดินทางมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เป็นช่วงที่เหมาะที่สุด 

       ระหว่างกวาดตาหาฝูงโลมา มองออกไปเห็นภาพทะเล 2 สีเขียวตัดฟ้าแยกผืนทะเลชัดเจน ปรากฏการณ์มวลนํ้าจืดผสมนํ้าเค็ม ดูแปลกตา แล้วความตื่นเต้นก็ตามมา เมื่อได้เจอฝูงโลมา แหวกว่ายโชว์ตัวโดดเล่นนํ้าไปมาอย่างสนุกสนาน จากนั้นถึงเวลามองหาวาฬสีนํ้าเงิน แม่เจ้าเห็นนํ้าพุ่งมาไกลๆ ชัดเจนวาฬพ่นนํ้า เรือรีบนำเราวนไปใกล้ วนอยู่พักใหญ่ ก็เห็นหลังวาฬโผล่มาไกลๆ สรุปว่าทริปนี้โชคดีนะเนี่ย คุ้มค่ากับการออกทริป 3 ชั่วโมง เพราะอย่าลืมว่าเราไปชมวาฬตามธรรมชาติ งานนี้จึงต้องมีลุ้นกันบ้าง

         ต่อจากนั้นก็พร้อมมุ่งหน้าไปยัง “อุทยานแห่งชาติยาลา” อุทยานที่ไม่เพียงใหญ่เป็นอันดับ 2 ของศรีลังกา บนพื้นที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร แต่ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่ติดชายฝั่งทะเลอีกด้วย การผจญภัยส่องสัตว์ป่าธรรมชาติเริ่มขึ้นแล้ว โดยมีสารถีเป็นชาวศรีลังกา ขับรถจี๊ป ซาฟารี พาเราชมสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด

        โดยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก็มีทั้งกวาง ช้าง จระเข้ หมูป่า นกยูง ควายป่า นกนานาชนิด ซึ่งมีกว่า 130 สายพันธุ์ แต่เราก็คงมองเห็นได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็มีสายพันธุ์แปลกให้เราได้สนุกไปกับโฟโต้ ชูตติ้ง มือเป็นระวิง เราเห็นแม้กระทั่งเสือดาว แต่อยู่ไกลลิบตา มองจากกล้องส่องทางไกล ก็เห็นว่ากำลังนอนสบายรอเวลาล่าเหยื่อ

     ทริปซาฟารีครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆเพราะได้ออกทะเลและเข้าป่าในวันเดียวกันสำหรับคํ่าคืนนี้ ก่อนวันรุ่งขึ้น จะตีรถกลับมายังกรุงโคลัมโบ ซึ่งระหว่างทาง เมื่อมาถึง “เมืองค็อกคาลา”ก็มีจุดที่ไม่ควรพลาด คือ  การชมการตกปลาในแบบดั้งเดิมที่มีมากว่า 100 ปี ซึ่งชาวประมงศรีลังกาจะนั่งทรงตัวตกปลาบนไม้คํ้า สูงจากระดับนํ้าทะเลราว 2 เมตร โดยใช้เข็มแทนเหยื่อตกปลา ปลาเห็นเข็มสะท้อนแสงก็เข้ามาติดเบ็ด ซึ่งปลาที่ได้ก็เป็นปลาชายฝั่ง อ่างปลาทราย ปลาข้างขาวนั่นเอง 

       ส่วนใครอยากปิดทริปไหว้พระ ที่กรุงโคลัมโบ ก็แวะไป “วัดคงคาราม”กันได้ ความโดดเด่นคือสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และศิลปะแบบการผสมผสานระหว่างศรีลังกา อินเดีย ไทยและจีน  เข้ามาในวัดสิ่งแรกคือดารร่วมพิธีมงคล “รับพระธาตุ” ตัดกรรม สักการะพระบรมสารีนิกธาตุ

            ทั้งภายในวัดยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่  ซึ่งนำหน่อมาจากเมืองอนุราชปุระ นำมาปลูกไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพร มีพุทธคยาและบุโรพุทโธจำลอง และโบราณวัตถุทรงคุณค่า จัดแสดงอยู่ภายในวัดอีกด้วย

          ความเก๋ไก๋ของทริปทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้แพ็กเกจ“Unseen Sri Lanka Safari” 4 วัน 3 คืน  เริ่มต้น 27,400 บาทต่อคน รวมตั๋วเครื่องบินที่พัก และโปรแกรมทัวร์จองเดินทางได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งราคานี้บอกเลยว่าเป็นความร่วมมือระหว่างศรีลังกา แอร์ไลน์,เคทีซี  และเวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ ที่จะขายในช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นมีนาคมปีหน้า ใครพร้อมมาเที่ยวได้เลย เพราะวันนี้เที่ยวศรีลังกา ฟรีค่าวีซ่าแล้วนะ สนใจคลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ www.ktcworld.co.th

ปักหมุดเช็คอิน : ธนวรรณ  วินัยเสถียร

หน้า 24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,529 วันที่ 8 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562