พสกนิกรปลื้มปีติพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ‘พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’
ในรอบ 69 ปี นับจากรัชสมัย “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” รัชกาลที่ 9 ที่มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 จนมาถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ที่ประกอบการพระราชพิธีอย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ที่ยึดถือปฏิบัติสืบมา เมื่อวันที่ 2-6 พฤษภาคม 2562 ถือเป็นพระราชพิธีครั้งประวัติศาสตร์ ที่ต้องจารึกไว้ในหัวใจของเหล่าพสกนิกรชาวไทย ที่มีโอกาสได้เห็นพิธีการอันสมพระเกียรติ เป็นมหามงคลยิ่งของแผ่นดินไทย
สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 เป็นพระราชพิธีครั้งที่ 12 นับตั้งแต่มีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์มา 237 ปี มีลำดับขั้นตอนพิธีต่างๆ ที่ทรงคุณค่าและศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ทุกวินาที คือ ภาพแห่งความประทับใจ สร้างความปลื้มปีติให้ปวงชนชาวไทยทั้งแผ่นดิน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนพระราชสถานะเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ตามขัตติยราชประเพณี ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” จากนั้นทรงโปรดเกล้าฯสถาปนา “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี”
“สี จิ้นผิง” ถวายเหรียญ “รัฐมิตราภรณ์” แด่กรมสมเด็จพระเทพฯ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับการทูลเกล้าฯถวายเหรียญอิสริยาภรณ์มิตรภาพ “รัฐมิตราภรณ์” จากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน เนื่องในโอกาสฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ครบรอบ 70 ปี สำหรับการจัดประเภทของเหรียญอิสริยาภรณ์ทั้ง 3 แบบนั้น ประเภทแรกคือ เหรียญอิสริยาภรณ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มอบให้แก่บุคคลซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในฐานะ “ผู้มีคุณูปการอันใหญ่หลวง” ต่อการร่วมสร้างชาติและพัฒนาจีนให้เจริญก้าวหน้าจนถึงทุกวันนี้ เหรียญอิสริยาภรณ์กิตติมศักดิ์ มอบให้แก่บุคคลซึ่งมีศักยภาพโดดเด่นจากหลายภาคส่วน ที่ใช้ความรู้และความสามารถในการสร้างชื่อเสียงให้จีนเป็นที่รู้จักบนเวทีโลก และเหรียญอิสริยาภรณ์มิตรภาพมอบให้แก่บุคคลซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ผู้มีบทบาทสำคัญในการสถาปนาความสัมพันธ์ กระชับและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศนั้นให้แน่นแฟ้นจนถึงปัจจุบัน และจะมีแต่ความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไปในอนาคต และทรงเป็นหนึ่งเดียวในเอเชีย ที่ได้รับการถวายรางวัลในปีนี้ จากความสัมพันธ์ทางการทูตที่จีนมีด้วยกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
อัญเชิญพระบรมเกศาธาตุครั้งแรกในไทยกว่า 700 ปี
โครงการอัญเชิญพระบรมเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา มาประดิษฐาน ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการะ ถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งเป็นมงคลแก่ตนเองรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 15 มกราคม 2563
พระบรมเกศาธาตุที่อัญเชิญมานี้มีความสําคัญอย่างยิ่ง เดิมเก็บรักษาอยู่ที่วัดโบราณแห่งหนึ่งในเมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา และเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงสุดมากว่า 700 ปี พระบรมเกศาธาตุนี้เป็นองค์ที่ไม่เคยอัญเชิญมาในประเทศไทยมาก่อน จึงเป็นครั้งแรกในรอบ 700 ปีที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาพร้อมกันในครั้งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์เถรวาทไทย-ลังกา ที่ดำเนินสืบเนื่องมากว่า 700 ปี นับตั้งแต่การรับนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ในสมัยสุโขทัย อีกทั้งปี พ.ศ. 2562 ยังเป็นวาระครบรอบ 266 ปี แห่งการประดิษฐานพระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ในศรีลังกา ซึ่งเป็นนิกายที่ได้รับการอุปสมบทจากคณะพระธรรมทูต นำโดยพระอุบาลีมหาเถระ จากวัดธรรมารามแห่งกรุงศรีอยุธยาในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในศรีลังกาขึ้นมาอีกครั้ง
หน้า 20-21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,535 วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562-1 มกราคม พ.ศ. 2563