DTC#2คึก ปลุก100ซีอีโอ สู้ศึกดิสรัปชัน

วันแรกของการเปิดหลักสูตร มีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มาเปิดคอร์สและปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Digital Transformation for CEO 2020: ผู้นำยุคดิจิทัล 2020”

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้มี 2-3 เรื่องที่อยากจะมาแลกเปลี่ยนซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คน ปัจจุบันมีคำถามเกิดขึ้นว่าประเทศไทยเป็น Thailand 4.0 หรือ 0.4 ผมยังยืนยันว่าเรามีความพร้อม แต่การปรับตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่เรื่องง่าย หลายบริษัทบอกว่าตัวเองมีการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสิ่งที่หลายธุรกิจนึกถึงเป็นสิ่งแรกคือ การตั้งหน่วยงานด้านไอซีทีขึ้นมา มีการจัดซื้อจัดจ้าง นึกถึงเรื่องของอุปกรณ์และเทคโนโลยีก่อนเป็นอย่างแรก ทั้งนี้ 3 ขั้นตอนในการที่จะเข้าสู่ยุคดิจิทัล ดิสรัปชันได้นั้น คือ 1.ผู้บริหารต้องเปลี่ยน Mindset ถ้าไม่เปลี่ยนบริษัทจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านดิจิทัลดิสรัปชัน 2.บุคลากร ที่ต้องยอมรับและพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัล และ 3. อุปกรณ์และเทคนิคต่างๆ ที่มารองรับ

ปัจจุบันประเทศไทย มีประชากร 64 ล้านคน มีการใช้งานโมบายกว่า 94 ล้านเครื่อง ใช้งานมากถึง 9 ชั่วโมงต่อวัน คนไทยรับทุกอย่างจากโซเชียล
มีเดียโดยไม่ได้คำนึงว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ขณะที่อุตสาหกรรมดิจิทัลนั้นใช้เวลาเพียง 1-2 ปีก็สามารถทำธุรกิจได้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้โดยไม่ต้องเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม เราต้องรองรับภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลมากขึ้น สิ่งที่จะเห็นและดำเนินการต่อจากนี้ไปคือการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลให้สำเร็จ เพราะจากนี้ไปไทยจะเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาค

ทั้งนี้ประเทศไทยต้องเชิญชวนบริษัทที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมลงทุนให้ได้ เมื่อนักลงทุนรายใหญ่ด้านดิจิทัลเข้ามาลงทุน จะทำให้บริษัทสตาร์ตอัพหรือรายย่อยๆ จะเข้ามาทันทีเพราะเป็นซัพพลายเออร์กัน วันนี้เทรดวอร์เกิดขึ้นจริง 190 บริษัทที่อยู่ในสหรัฐอเมริกากำลังย้ายฐานการผลิต (Re Located) หลายบริษัทก็มองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ขณะนี้เรื่องของภาษีไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนต้องการอีกต่อไป สิ่งที่นักลงทุนต้องการคือหากมีการตั้งฐานผลิตในไทยคือ 1.พลังงานบริสุทธิ์ 2.โรงเรียนนานาชาติสำหรับการย้ายถิ่นฐานของครอบครัว และ 3.กำลังคนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้านดิจิทัล

“ถ้าเราตกรถไฟ 190 บริษัทนี้จะเกิดปัญหาตามมาเพราะต้องรอนานถึง 15 ปี ที่จะถึงรอบการ Re Located เกิดขึ้นอีก”

ด้านนายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดิจิทัล ดิสรัปชันที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทุกวันนี้ไม่มีอะไรที่มาเป็นตัวกลางแล้ว เพราะทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงกันได้หมด การเติบโตของภาครัฐและเอกชนนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นช้าอาจหมายถึงการเดินถอยหลังหรือการล่มสลายขององค์กร ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยสปีกเกอร์ที่เชิญมาร่วมในงานนี้จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่เพียงพอ ปัญหาของผู้บริหารคือ ผู้ที่เข้าร่วมในงานนี้มีอายุเฉลี่ย 45 ปี มาจากภาครัฐ 8% ภาคเอกชน 92% ส่วนใหญ่เป็นวัยเบบี้บูมโดยมีพฤติกรรมไม่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่กล้าถามลูกน้องเพราะกลัวการถูกสอนด้วยศัพท์เทคนิคต่างๆ ซึ่งหลักสูตรนี้จะสร้างความรู้ให้กับผู้บริหาร เพื่อให้ผู้บริหารไม่ต้องอายลูกน้องอีกต่อไป

ส่วนนายบากบั่น บุญเลิศ ในฐานะผู้อำนวยการหลักสูตร Digital Transformation for CEO 2020 กล่าวว่า การอบรมในหลักสูตร Digital Transformation for CEO 2020 เป็นการเรียนกึ่งอบรม โดยการเรียนรู้จากแนวคิดที่มุ่งเน้นในเรื่องการต่อ
ยอดและการจุดประกายทางความคิดของวิทยากรจากความร่วมมือของฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ เนชั่นและ MFEC ถ่ายทอดประสบการณ์และวิธีคิดเพื่อรับมือกับการปรับตัวรับดิจิทัล ดิสรัปชัน ทำอย่างไรให้ผู้บริหารทรานส์ฟอร์มองค์กรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก หลายคนที่มาเป็นผู้ที่นำพาองค์กรฝ่าคลื่นลมและพายุของดิจิทัล ดิสรัปชัน เพราะพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไป คนไทยใช้มือถือมากถึง 94 ล้านเครื่อง เราจะต้องเปลี่ยน เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าฝ่าฟันไปได้ รวมถึงผู้ที่เข้าอบรมที่จะได้มาแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ร่วมกัน

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3551 วันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2563