ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่า หลังจากที่เกิดเชื้อไวรัสโควิดระบาดไปทั่วประเทศและมีผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนกว่า 1 พันรายแล้วทั่วประเทศ ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดตากมีผู้ติดเชื้อ 1 ราย มีพื้นที่เสี่ยงที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในหลายอำเภอ ประกอบกับมีประชากรแฝง และกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ หลากหลาย โดยเฉพาะชายแดนไทย-เมียนมา ที่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ที่มีวิถีชีวิตและแนวปฎิบัติแตกต่างหลากหลาย บางแนวทางก็สวนทางกับข้อกำหนดในการควบคุมโรค ทางราชการต้องมีมาตรการที่เข้มข้นประกอบกุศโลบายเพื่อให้บรรลุผลตามไปด้วย
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)บ้านเปิงเคลิ่ง ในฐานะเจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน แจ้งว่า ได้ร่วมหารือกับผู้นำท้องถิ่นในหมู่บ้านเปิ่งเคลิ่ง ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง เพื่อหามาตรการรับมือกับกลุ่มเสี่ยงแพร่เชื้อ จากผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่กทม.และอีกหลายจังหวัดกลุ่มเสี่ยง แล้วไม่ยอมกักตัวในบ้าน 14 วัน ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ จึงมีมติให้ใช้มาตรการเข้มข้นเด็ดขาดกับกลุ่มคนดังกล่าว โดยลงความเห็นแล้วว่า หากไม่กักแยกตัวอยู่ในบ้าน 14 วัน เจ้าหน้าที่จะนำตัวมากักกันโรคยังศาลาเพิงพักบริเวณป่าช้า บริเวณที่ตั้งศพและเมรุเผาศพ อยู่กับเสียงเห่าหอนของสุนัขที่เฝ้าป่าช้าด้วยจนครบกำหนด 14 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้ชาวบ้านที่หัวดื้อตระหนักถึงคนรอบข้างที่จะต้องเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.บ้านเปิงเคลิ่ง) กล่าวว่า คนที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงต้องช่วยกักตัวเอง เพื่อตัวเองละชุมชน-สังคม ในพื้นที่บ้านเปิงเคลิ่ง มีคนกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 25 มีนาคม 2563 แล้วจำนวน 193 คน ยังคงกลับมาไม่หมด ยังเหลืออีกประมาณ 100- 200 คน