อันตราย! อุโมงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ-UV เสี่ยงมะเร็ง

06 เม.ย. 2563 | 03:32 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2563 | 11:58 น.

อย. แนะวิธีใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค แบบแบ่งบรรจุดต้องมีสลากชัดเจน  อุโมงค์พ่นน้ำยาใส่ตัวอาจเกิดอันตราย ส่วนอุโมงค์แสง UV อาจเกิดมะเร็งผิวหนัง

ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ตามที่ปรากฏในข่าวว่า มีการนำน้ำยาฆ่าเชื้อโรคมาแบ่งใส่ขวดแจกให้กับประชาชน หรือทำอุโมงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรืออุโมงค์แสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใย ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า น้ำยาที่นำมาแบ่งบรรจุนั้นได้รับอนุญาตเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ใช้กับพื้นผิวหรือวัสดุ เพื่อความปลอดภัย อย. จึงขอแนะนำประชาชน หากได้รับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่แบ่งใส่ขวด ขอให้ตรวจสอบว่ามีฉลากหรือไม่ หากไม่มีให้สอบถามผู้ให้ว่าคือน้ำยาอะไร มีวิธีการใช้อย่างไร แล้วทำฉลากให้ชัดเจน ระบุชื่อน้ำยาฆ่าเชื้อโรค วิธีการใช้ที่ถูกต้อง แล้วเก็บไว้ในที่มิดชิด ห่างจากมือเด็ก ไกลจากน้ำดื่มบรรจุขวด เพราะอาจพลั้งเผลอหยิบมาดื่ม คิดว่าเป็นน้ำและดื่มเข้าไป จนได้รับอันตรายตามที่เป็นข่าวมาแล้ว

 

     ภญ.สุภัทรา บุญเสริม

               

ส่วนกรณีอุโมงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคนั้น อย. ขอย้ำว่าส่วนใหญ่น้ำยาที่นำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขออนุญาตใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวหรือวัสดุ ไม่สามารถนำมาใช้กับผิวหนังหรือร่างกายมนุษย์ได้ เนื่องจากมีส่วนประกอบที่อาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา ดังนั้น การนำไปฉีดพ่นบนร่างกายมนุษย์เป็นอันตราย ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง

เช่นเดียวกันระบบฆ่าเชื้อโควิดด้วยแสง UV เหมาะสำหรับการฆ่าเชื้อโรคในห้องและอุปกรณ์ต่าง ๆ เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง เพราะจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ทั้งนี้ การฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายมนุษย์โดยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคและแสงยูวี องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ใช้ วิธีการที่ทำได้ง่ายและได้ผลดี คือ การอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายทันทีเมื่อกลับเข้าบ้าน และให้นำเสื้อผ้าไปซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าในน้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 70-90 องศาเซลเซียส จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องในช่วงโควิด-19 ได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ “COVID-19” แล้วคลิกไปที่ “ข่าวประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง” หรือกดติดตามที่ "แฟนเพจเฟซบุ๊ก Fda Thai"