นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานมติออกมาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้กองทุนผู้สูงอายุที่กู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพทุกคน ซึ่งมีประมาณ 4.1 หมื่นราย โดยระยะเวลาพักชำระหนี้ 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 2563 - 31 มี.ค.2564 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ผู้กู้สามารถแสดงเจตจำนงในการขอพักหนี้โดยติดต่อกองทุนผู้สูงอายุ หรือ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทุกจังหวัด หรือส่งจดหมายขอผ่อนผันการชำระหนี้ตามแบบฟอร์มที่กำหนด โดยให้ผู้ค้ำประกัน และพยาน 2 คน ลงนาม พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมรับรองสำเนา และส่งกลับมายังสำนักงานพัฒนาสังคมฯจังหวัด หรือกองทุนผู้สูงอายุ ทั้งนี้นายจุรินทร์ได้กำชับให้การดำเนินการในเรื่องนี้ต้องเป็นไปอย่างสะดวกต่อผู้สูงอายุให้มากที่สุด
ในส่วนของเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 4.84 ล้านคน (ไม่ใช่เบี้ยผู้สูงอายุแต่เป็นเงินสงเคราะห์ที่จ่ายเพิ่มเติมจากเบี้ยผู้สูงอายุ) ซึ่งปัจจุบันมีงบประมาณไม่เพียงพอ ที่ประชุมได้ติดตามการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการประสานสำนักงบประมาณ เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีจัดสรรงบกลาง ประจำปี 2563 จำนวน 689 ล้านบาทแล้ว จัดสรรให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ระหว่างเดือนเม.ย-ก.ย. 2563
นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน 4 มิติ ครอบคลุม เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และสังคม เช่น การเตรียมความพร้อมเพื่อการเข้าสู่สูงวัย โดยเสนอปรับปรุงพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ให้เด็กต่ำกว่า 15 ปีสามารถเป็นสมาชิกกองทุนได้ (พ่อแม่เป็นผู้ออมแทน) การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการบูรณาการและขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน การยกระดับผู้ดูแลผู้สูงอายุมืออาชีพ จัดให้มีศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ทุกอำเภอควบคู่กับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป