นางจริยา จันทร์เจิดศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หลายองค์กรออกนโยบาย Work from Home และคนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ทำให้จำนวนขยะในครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขยะจาก Food Delivery เพิ่มขึ้นถึง 45% โดยเป็นรีไซเคิลประเภทพลาสติกและกระป๋องอลูมิเนียมเพิ่มสูงขึ้นถึง 1 หมื่นกิโลกรัมต่อเดือน ดังนั้น แสนสิริในฐานะผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมแลความยั่งยืนของอสังหาริมทรัพย์ไทยจึงไต้องจัดมาตรการจัดการคัดแยกขยะรีไซเคิลและให้ความรู้ลูกบ้านครอบครัวแสนสิริเพื่อให้คัดแยกรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร่งด่วน จากนั้นรีไซเคิลจะถูกส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มมูลค่าหรือจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการก่อเกิดมลพิษสู่โลก ขณะที่ขยะเศษอาหารจะถูกนำคัดแยกและเปลี่ยนเป็นปุ๋ยธรรมชาติด้วย Food Waste Machine เพื่อลดขยะให้มากที่สุด
แสนสิริเตรียมเซ็ต New Normal ใหม่ของการจัดการขยะในโครงการที่อยู่อาศัย โดยเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของเมืองไทยที่มีมาตรการยกระดับการจัดการขยะติดเชื้ออย่างเป็นรูปธรรม หลังพบว่าเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีขยะติดเชื้อประเภทหน้ากากอนามัยใช้แล้วที่ 55,000 ชิ้นใน T77 Community และคาดการณ์ว่าจะพุ่งถึง 110,000 ชิ้นในเดือนเมษายน หรือคิดเป็นกว่า 2 ล้านชิ้นในโครงการแสนสิริทั่วประเทศในช่วงการระบาดของ โควิด-19 โดยแสนสิริได้ผนึกบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ยกระดับมาตรการเข้มข้น เพื่อจัดการขยะติดเชื้อช่วงโควิด-19 อย่างจริงจัง เริ่มต้นจากแนะนำวิธีจัดการหน้ากากอนามัยใช้แล้วที่ถูกต้องกับลูกบ้าน และจัด Training โดยกรมควบคุมมลพิษให้กับนิติบุคคล เพื่อการจัดการขยะติดเชื้ออย่างรัดกุม ก่อนจะนำส่งให้กรมควบคุมมลพิษและหน่วยงานภาครัฐนำไปจัดการอย่างปลอดภัยต่อไป
“ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน และยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงอนาคตได้ นอกจากการส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อชะลอขยะไปสู่ Landfill ให้น้อยที่สุดแล้ว เราเล็งเห็นถึงความสำคัญในการจัดการขยะรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นช่วงโควิด-19 จึงเพิ่มหน้ากากอนามัยใช้แล้วและขยะจากลูกบ้านกักตัวเป็นขยะคัดแยกประเภทติดเชื้อ พร้อมวางมาตรการจัดการให้เป็น New Normal ด้าน Waste Management ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ และเป็นต้นแบบการคัดแยกขยะอย่างปลอดภัยและยั่งยืนของวงการอสังหาฯ ไทย” นางจริยา กล่าวต่อ
สำหรับ Sansiri Green Mission หลังจากประกาศเป้าหมายสำคัญในการสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ในปี 2019 แสนสิริช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ไปแล้วกว่า 1,917 ตัน หรือกว่า 90 % ของเป้าที่วางไว้ทั้งหมด 3 ปี โดยวางจุดยืนชัดเจนที่เน้นการลดและจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมศึกษาพฤติกรรมการคัดแยกขยะของลูกบ้านอย่างจริงจัง เพื่อค้นหาแนวทางการคัดแยกขยะที่เหมาะสมกับลูกบ้าน เริ่มต้นจากลดการใช้ขวดพลาสติกในองค์กรถึง 900,000 ขวด หรือคิดเป็นพื้นที่ป่าสีเขียว 70 ไร่ และเปลี่ยนจากการแจกน้ำดื่มในขวดพลาสติกเป็นการเสิร์ฟน้ำน้ำอินฟิวส์คู่กับแก้วกระดาษที่เซลล์ แกเลอรี่
แสนสิริยังได้จับมือ บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมศึกษาทดลองทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างพฤติกรรมการแยกขยะของลูกบ้านใน T77 Community และนำผลการวิจัยมาปรับใช้ร่วมกับผลการศึกษาของแสนสิริ เพื่อออกแบบห้องพักขยะและถังขยะรูปแบบใหม่ในทุกโครงการแนวสูงที่จะแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป นอกจากนั้น แสนสิริยังจับมือร่วมกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ นำร่องคัดแยกขยะรีไซเคิลมากถึง 16 ตัน หรือเทียบเท่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เฉลี่ย 11.6 ตัน ใน 29 โครงการ
ในปีนี้แสนสิริเตรียมยกระดับ Sansiri Green Mission สู่ Sansiri Sustainability เพื่อขยายผลสู่การรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืนครอบคลุมในทุกด้านมากยิ่งขึ้น โดยจะรุกภารกิจด้าน Waste Management เป็นภารกิจหลัง และผลักดันการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทั้งในโครงการที่อยู่อาศัย องค์กรและไซต์ก่อสร้าง