ในขณะที่คนไทยกำลังประสบกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากวิกฤติโควิด -19 ทำให้หลายคนถูกลดเงินเดือน ตกงาน และกิจการทำรายได้ลดลง เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศขาดกำลังซื้อ ธุรกิจโรงรับจำนำก็เช่นกัน “สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการโรงรับจำนำ อีซี่มันนี่ (Easy Money)
บอกเลยว่า ช่วงนี้คนใช้บริการน้อยลง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจสถานการณ์ ทำให้หยุดการจับจ่ายใช้สอย ต่างคนต่างรัดเข็มขัด
“เทียบกับเศรษฐกิจปกติ คนจะมาจำนำเยอะ เพราะต้องการเงินไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหมุนเวียนเศรษฐกิจ จ่ายเงินเดือนพนักงาน และอื่นๆ แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี การใช้จ่ายก็จะลดลง เพราะคนขาดความมั่นใจว่าจะมีรายได้เข้ามาหรือไม่ จึงพยายามไม่เป็นหนี้”
ครั้งนี้ ถือเป็นวิกฤติที่ค่อนข้างหนัก แต่เชื่อว่าในที่สุดก็จะฟื้นตัวได้ พอเริ่มปลดล็อค เปิดเมือง ธุรกิจจะกลับมา ช่วงนั้นจะมีคนมาจำนำเยอะ โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเริ่มกลับมา ร้านอาหาร สถานประกอบการ ต่างต้องการเงินทุนเพื่อไปหมุนเวียนธุรกิจให้เดินหน้าต่อ เพราะฉะนั้น คือต้องเตรียมกำลังคน และพัฒนาบริการให้สนองตอบผู้ใช้บริการให้มากที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด
ระหว่างที่คนยังกังวลกับการใช้เงิน ธุรกิจขาดรายได้ไปบางส่วน แต่ผู้บริหารโรงรับจำนำ อีซี่มันนี่ บอกว่า บริษัทไม่มีนโยบายลดพนักงาน ลดเงินเดือน หรือแม้แต่สวัสดิการใดๆ จากจำนวนพนักงานขององค์กรที่มีอยู่กว่า 1,000 คน และยังมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง แม้จะต้องลดเป้าลงบ้าง จากการประเมินสถานการณ์ ที่เดิมวาง แผนว่าจะขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้อีก 10 สาขา ก็ปรับลดเหลือประมาณ 5-6 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด
ผู้บริหารท่านนี้ บอกว่า ตอนนี้ยังไม่อยากจะพูดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ แต่การดำเนินธุรกิจของเขาเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย จากจุดเริ่มต้นที่ปรับรูปแบบธุรกิจโรงรับจำนำรูปแบบเดิมๆ ที่มีประตูสองบาน เป็นสถานที่อับทึบ มีม่านไม้ไผ่ ลูกค้าไม่สบายใจนักเวลาเข้าใจบริการ เพราะกลัวจะเจอหลวงจู๊กดราคา หรือหวั่นจะถูกตัดข้อสร้อยทอง แต่ก็ยังมีข้อดี ที่สะดวก และได้เงินเร็ว
“เราจึงนำ Pain Point เหล่านั้น มาแก้ไข แล้วนำเสนอออกมาเป็นโรงรับจำนำรูปแบบใหม่ วางตัวเองเป็นสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ปรับปรุงสถานที่ให้เป็นสถาบันการเงิน เคาน์เตอร์เป็นกระจก ผู้เข้าบริการสามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ทองที่นำมาจำนำ ก็จะเห็นตอนชั่งว่ามีน้ำหนักเท่าไร เมื่อมารับคืน ก็ต้องได้ของเดิม ที่มีน้ำหนักเท่าเดิมกลับไป ด้วยการดูแลทรัพย์เล่านั้นอย่างดี การให้บริการเทียบเท่าสถาบันการเงิน”
ตลอด 15 ปี ที่ให้บริการ อีซี่มันนี่ จึงสามารถขยายการเติบโต และเพิ่มสาขามาได้ต่อเนื่อง โดยลูกค้าหลักของโรงรับจำนำมี 2 กลุ่มคือลูกค้าทั่วไป มีเงินเดือนประจำ เอาเงินไปใช้ชีวิตประจำวัน และอีกกลุ่ม คือ ผู้ประกอบการ ที่ต้องการเงินไปหมุนเวียนในธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม การบริหารธุรกิจ คีย์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจเกินหน้า คือ “คน” เพราะฉะนั้น ในวิกฤติใหญ่ครั้งนี้ บริษัทจึงไม่มีแผนลดคน โดยมี่ผ่านมา อีซี่มันนี่เลือกพนักงานที่เป็นคนดี ไม่ได้เน้นคนเก่งแล้วนำคนดีเหล่านั้นมาพัฒนา ด้วย Core Value หรือวัฒนธรรมองค์กร ที่กลั่นกรองตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยหลักเกณฑ์ 5 เรื่องเรียกว่า Code of conduct “TRUST” ได้แก่ T : “Technical Knowledge” คือ การมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ โดยสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาตนเองให้มีความรู้ด้านวิชาชีพ ขณะเดียวกันก็พัฒนาจิตให้เข้มแข็งและเป็นคนดีด้วย
R : “Running the Business” (Relentless) คือ ขยันหมั่นเพียร พยายามอย่างสุดความสามารถและต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยผู้นำทำหน้าที่ผลักดันให้พนักงานได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ U : “Unity” ความสามัคคี ปฎิบัติงานร่วมกับผู้อื่น เป็นทีมเดียวกัน S : “Strategic Thinking” การวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย กล้าคิด กล้าทำ เข้าใจสถานะ สภาพแวดล้อม สามารถปรับตัว หรือแก้ไขปัญหาได้ และ T : Trust คือ ความซื่อสัตย์ ไว้ใจได้
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ที่ “สิทธิวิชญ์” ทำมาต่อเนื่อง คือ การพัฒนานวัตกรรม เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เปลี่ยนจากเครื่องปั๊มนิ้วมือ มาเป็นเครื่องสแกนลายนิ้วมือ และ การใช้ระบบบาร์โค้ด และในช่วงโควิด-19 ยังพัฒนาแอพลิเคชั่น ที่เรียกว่า อีซี่ สมาร์ท เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถชำระ
ดอกเบี้ยจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปที่สาขา ซึ่งอนาคตจะมีการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ ขึ้นมาอีก เพื่อพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งหมดนั่นคือ วิธีการทำธุรกิจที่คิดนอกกรอบ นำ Pain Point ที่เห็นมาปรับ เพื่อสร้างธุรกิจที่สนองตอบความต้องการของผู้ใช้บริการให้มากที่สุด
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 24 ฉบับที่ 3,580 วันที่ 4 - 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563