23 มิถุนายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนทราเวล บับเบิ้ล หรือการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับสถานทูตหลายประเทศ โดยได้เริ่มร่างกรอบ กติกา และเงื่อนไขที่หลายประเทศจะยอมรับ ทั้งนี้ ทราเวล บับเบิ้ลเป็นการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ไม่ใช่การเปิดกว้าง โดยจะเลือกประเทศที่มีความสามารถในการควบคุมบริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีในระดับที่เรารับได้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยหรือไม่มีเลย หรือประเทศที่มีธุรกิจเร่งด่วนที่จะต้องเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย โดยจะจำแนกประเทศเป็นกลุ่มๆเอาไว้ก่อน ซึ่งวิธีการคือต้องต่างตอบแทนกัน เช่น เราใช้กฎนี้กับเขา เขาก็ต้องยอมรับกฎนี้กับเราในตอนที่เราเดินทางไปประเทศเขาด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางมาประเทศเราเป็นอย่างไร เขาต้องยอมรับกฎระเบียบต่างๆของเรา
เมื่อถามถึงกรณีที่มีประเทศระบาดรอบสองจะพิจารณาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูมาตรการของแต่ละประเทศ ต้องดูรายละเอียดเรื่องการระบาด หากเป็นการระบาดภายในประเทศนั้นก็คงจะคุยกันลำบาก แต่หากเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศและพบในสถานกักกันก็ไม่เป็นอะไร เราเน้นที่ความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งในข้อตกลงเอ็มโอยูต้องเขียนชัดเจนเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สามารถแก้ไขกติกาได้
เมื่อถามว่า ในส่วนนี้ได้รายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องผ่านที่ประชุม ศบค.ก่อน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่รวบรวมเงื่อนไขต่างๆ เพื่อส่งต่อที่ประชุม ศบค. คาดว่าจะเข้าที่ประชุมในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ซึ่งยังไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเราเลือกคนที่จะเดินทางเข้ามาแบบจำเพาะเจาะจงกลุ่ม ยังไม่ใช่นักท่องเที่ยวแน่นอน
ทั้งนี้เมื่อถามว่าขณะนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อ 29 วันแล้ว มีแนวโน้มยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุม ศบค. ที่ต้องหารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง กระทรวงสาธารณสุข จะไปชี้นำก็ไม่ดี เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของ ศบค. ที่มีนายกฯ เป็นผอ. เรามีหน้าที่เพียงนำเสนอข้อมูลและต้องรับฟังความเห็นจากส่วนงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย