วันนี้ (3 ก.ค.2563) นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้หยุดชดเชยในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันที่ 4-7 ก.ค. 63 ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งคาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัดเพื่อพบปะครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ซึ่งอาจมีการประกอบอาหารรับประทานร่วมกับครอบครัวนั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ระมัดระวังการรับประทานอาหาร น้ำดื่ม และน้ำแข็งที่ไม่ถูกสุขลักษณะ มีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสปนเปื้อน เพราะสภาพอากาศในช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย อากาศร้อนสลับฝนตก เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลายชนิด หากรับประทานอาหารที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนเข้าไป อาจทำให้ประชาชนเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด โรคไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย และอหิวาตกโรค เป็นต้น
สถานการณ์โรคติดต่อทางอาหารและน้ำในปี 2563 นี้ พบว่ามีรายงานผู้ป่วยด้วย 5 โรคสำคัญที่ติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง 414,545 ราย เสียชีวิต 2 ราย โรคอาหารเป็นพิษ 40,973 ราย โรคบิด 1,108 ราย โรคไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย 220 ราย และอหิวาตกโรค 2 ราย
สำหรับโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสโปรโตซัว หนอนพยาธิฯ ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดท้อง ถ่ายเหลว 3 ครั้งต่อวันหรือมากกว่า อุจจาระอาจพบเยื่อมูกและมีเลือดปน คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ในบางรายมีอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น การป้องกันคือ ขอให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน ไม่มีแมลงวันตอม ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ทั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรก ในส่วนอาหารที่ปรุงประกอบไว้นานแล้ว ขอให้สำรวจก่อน หากมีกลิ่น รส หรือรูปเปลี่ยนไป ไม่ควรรับประทานต่อ ส่วนอาหารที่มีกลิ่น รส หรือรูปร่างไม่เปลี่ยนแปลงควรอุ่นให้ร้อนทั่วถึงก่อนรับประทาน
นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จึงขอแนะนำให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานอาหาร การปรุงอาหาร ให้คำนึงถึงความสะอาด ปลอดโรค ปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อน อาหารควรปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำและน้ำแข็งที่สะอาด (มีเครื่องหมาย อย.) เก็บถนอมอาหารอย่างถูกวิธี และก่อนหยิบจับอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และหากมีอาการข้างต้น สามารถช่วยเหลือเบื้องต้น โดยให้จิบน้ำผสมสารละลายเกลือแร่ (ORS) บ่อยๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ หากอาการไม่ดีขึ้น ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ กระหายน้ำมากกว่าปกติ หรืออุจจาระเป็นมูกปนเลือด ให้รีบไปพบแพทย์ และควรให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย เพื่อช่วยให้ลำไส้ฟื้นตัวได้เร็ว ไม่ควรกินยาหยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคยังอยู่ในร่างกาย หากใช้ยาปฏิชีวนะ ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์