ชีวิตของคนบางคนอาจจะราบเรียบเหมือนน้ำในสระที่สงบนิ่ง มีพลิ้วระลอกคลื่นบ้างในยามที่มีเหตุการณ์เข้ามาเป็นบททดสอบ แต่สำหรับ “นาธาน โอมาน” นักร้อง นักแสดง นักเขียน ที่จากไปแล้วในวันนี้ (4 ก.ค.) ด้วยวัยเพียง 45 ปี ชีวิตของเขาเหมือนทะเลคลื่นลมแรง ระลอกคลื่นใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ไม่เคยสงบนิ่ง
นับตั้งแต่วันที่เขาก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนักร้องสังกัดค่ายอาร์เอสในปี 2546 มีผลงานเพลงออกมา 2 อัลบั้ม ตามด้วยงานถ่ายแบบแฟชั่น นิตยสารและเอ็มวีเพลง รวมทั้งงานเขียนหนังสือ 2 เล่ม (ผมมันเด็กหลังเขา หิมาลัย และโลกนี้ไม่เหงาแล้ว) แต่ก็ไม่มีอะไรทำให้ชื่อของ นาธาน โอมาน กลายเป็นข่าวดังได้เท่ากับเหตุการณ์ในช่วงปี 2551-2553 เมื่อเขาถูกแฉว่าเป็น จอมลวงโลก เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้นับจากนั้นมา ชีวิตของนาธานต้องคอยย้ำและพิสูจน์ตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง แต่จะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของคนฟังแล้ว เพราะเขาเองก็ยังคงเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปบนเส้นทางที่เขาบอกว่า “เปลี่ยนไปแล้วและดีขึ้นมาก” จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ย้อนไปเมื่อกลางปี 2551 นาธานให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Prince Of Red Shoe ของบริษัทบิกบลู ในเครือทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งมี วูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน และ มูฮำหมัดซูอัต เป็นผู้กำกับ โดยแสดงร่วมกับดาราดังอย่าง บรูซ วิลลิส และ คริสติน่า ริชชี ถ่ายทำในหลายที่ เช่น ประเทศจอร์แดน อิหร่าน โอมาน และหลาย ๆ เมืองในแถบตะวันออกกลาง ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกครั้งในอีกราวหนึ่งปีถัดมาจนกลายเป็นข่าวโด่งดัง เนื่องจากมีผู้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆเท่าที่มีอยู่ รวมทั้งเว็บไซต์และทวิตเตอร์ของนักแสดงที่นาธานอ้างถึง แต่ก็ไม่มีสิ่งยืนยันว่านาธานแสดงภาพยนตร์ดังกล่าวตามที่อ้างไว้
ประเด็นที่ว่านาธานพูดโกหกหรือไม่ นำไปสู่การขุดคุ้ยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเขา รวมถึงประวัติที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เช่นเขาเกิดที่เนปาลจริงหรือไม่ ต่อมา นาธานออกมาให้สัมภาษณ์สื่อยอมรับในการบันทึกเทปสัมภาษณ์กับรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยเมื่อปี 2553 สารภาพว่า เขากุเรื่องเกี่ยวกับการแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดรวมถึงเรื่องราวทั้งหมดของตนเอง เพราะผู้สนับสนุนเขาในวงการบันเทิง ต้องการสร้างตัวตนของเขาให้เป็นแบบนั้น ให้มีชีวิตที่น่าทึ่ง เป็นเด็กอัจฉริยะ เกิดในต่างประเทศ และพูดได้หลายภาษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นับจากนั้นมา ชีวิตในวงการบันเทิงของนาธานก็หรี่แสง บททดสอบต่อมาเป็นการพัวพันคดีความหลายคดี เช่นคดีฉ้อโกงเงิน การใช้หลักฐานปลอม การหลอกหลวงเพื่อโกงเงินคนใกล้ชิด ในปี 2554 นาธาน โอมาน ถูกศาลจังหวัดเลยตัดสินจำคุกในคดีฉ้อโกงเป็นเวลา 2 ปี แต่เจ้าตัวรับสารภาพ จึงลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 1 ปี พร้อมทั้งให้ชดใช้เงินทั้งหมดให้กับคนสนิทที่เป็นคู่กรณี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ(รัชกาลที่9) ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ จึงพ้นโทษเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าข่าวเกี่ยวกับนาธาน โอมาน จะเป็นสีสันชีวิตส่วนตัวของเขามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นชีวิตรักแบบชายรักชาย การทำธุรกิจ หรือการสักคิ้ว 6 มิติ ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่และเป็นสิ่งที่นาธานอยากให้เป็นภาพจำของตัวเขาแทนฉายาจอมลวงโลก ที่เขาบอกว่า จะไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
นาธาน โอมาน เป็นข่าวอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ แต่ไม่ใช่ในรูปลักษณ์เดิม ๆ เขาดูผอมลง สุขุม นิ่งขึ้น แต่ก็ดูมีความสุขสดใส นาธานเปิดเผยกับสื่อว่า เขาปิดฉากชีวิต “จอมลวงโลก” เรียบร้อยแล้ว และกลับตัวกลับใจเป็นนาธานคนใหม่ ที่เป็นคนดีและมีกำลังใจ เพราะกำลังมีแผนจะวิวาห์กับเศรษฐีหนุ่มชาวต่างชาติ ตอนนั้นเป็นข่าวฮือฮาเพราะนาธานบอกว่า สินสอดสูงถึง 200 ล้าน และเขาจะแต่งชุดวิวาห์เป็น “เจ้าสาว” แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ออกมาบอกเล่าว่า แผนวิวาห์ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะครอบครัวฝ่ายชายไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ชายรักชาย นาธานจึงต้องปลีกตัวออกมา และโฟกัสกับการพัฒนาตัวเองทั้งเรื่องการเรียนและการทำธุรกิจ
ข้อมูลที่นาธานให้ไว้กับสื่อในเรื่องนี้ คือปีนี้เขาเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนใกล้จะจบแล้ว นาธานบอกว่าเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ใกล้จะคว้าปริญญาในเดือนพ.ค.นี้ ส่วนเรื่องธุรกิจที่จับมือกับผู้ร่วมทุนระดับอินเตอร์ เป็นโรงงานผลิตพลาสติกที่ทำร่วมกับชาวจีน
“เราเป็นคนชอบทำธุรกิจ เพราะมันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ตัวเองได้ว่าเราซื่อสัตย์แล้วเราก็ทำงาน เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเราเองก่อน เราตั้งใจทำงาน ตั้งใจเรียน ส่วนเรื่องแฟนถ้าเค้าเป็นคู่เราเดี๋ยวเค้าก็มา และเรื่องการไปอยู่เมืองนอก มันเป็นเรื่องการทำเม็ดเงิน ถ้าทำได้เยอะมันก็เข้าไทยได้เยอะ และเราก็จะสามารถมีเงินกองทุนช่วยเหลือเด็กไร้สัญชาติได้ โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งโกหก มันเป็นเรื่องที่เราทำได้หมดเลย เพียงแต่เราไม่รู้ว่ามันทำได้” นาธานให้สัมภาษณ์รายการ “ดาราสตอรี่ บันเทิงเรื่องใหญ่” เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมานี้เอง ดูเหมือนว่า ตลอดทั้งชีวิต นักแสดงและศิลปินหนุ่มคนนี้ จะต้องคอยพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอว่า เขาพูดจริง เขาเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง ๆ
และแล้วในวันที่อะไร ๆ ดูจะเริ่มดีขึ้น ชีวิตเริ่มตั้งหลักปักฐานได้อีกครั้ง โรคภัยไข้เจ็บที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ก็เข้ามาเป็นบททดสอบชีวิตของนาธาน โอมาน เขาจากไปในวัย 45 ปีด้วยอาการโรคโลหิตจางและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดในวันนี้ (4 ก.ค. 2563) เวลา 9.35 น. คนใกล้ชิดเปิดเผยว่า หลังจากนี้จะเคลื่อนร่างไปประกอบพิธีตามหลักศาสนาอิสลามที่มัสยิด ในเขตทุ่งครุ
ขอแสดงความเสียใจมายังครอบครัวของนาธาน โอมาน วันนี้เขาจากไปอย่างสงบและไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกต่อไปแล้ว