เมื่อโฉมหน้าห้องเรียนหลังเปิดเทอมเปลี่ยนไปหลังโควิด-19แม้โรงเรียนจะกลับมาเปิดเทอมตามปกติ แต่แน่นอนว่ารูปแบบการสอนและการเรียนรู้ของเด็กไทยจำต้องเปลี่ยนแปลงไป โควิด-19 ส่งผลกระทบกับโลกในหลายด้าน และยังเป็นตัวเร่งสำคัญในการดึงเอาอนาคตมาเป็นปัจจุบัน การเรียนรู้ยุคใหม่จึงต้องก้าวตามทันความเปลี่ยนแปลง ทิศทางการศึกษาไทยจึงเป็นยุคแห่งการเข้ามาของเทคโนโลยี และยังคงต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นที่มาของ STARTDEE EDUCATION FORUM 2020 กับคำถามที่ร่วมกันหาคำตอบว่า “เมื่อโฉมหน้าห้องเรียนหลังเปิดเทอมเปลี่ยนไป ออกแบบการศึกษาอย่างไร ให้เด็กไทยเรียนรู้ได้อย่างไร้รอยต่อ” พร้อมเชิญผู้คร่ำหวอดในวงการการศึกษาไทยร่วมเสวนาระดมความคิดสะท้อนมุมมองจาก 5 ภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเทคโนโลยีทางการศึกษา ภาคบุคลากรทางการศึกษา หรือคุณครู และภาคสื่อการเรียนรู้ หรือตัวแทนผู้ปกครอง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อตั้ง StartDee แอปพลิเคชันด้านการศึกษาที่มุ่งนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาระบบการศึกษาไทย โต้โผสำคัญของการจัดงาน STARTDEE EDUCATION FORUM 2020 กล่าวว่า เทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้การศึกษาใน New Normal เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ พร้อมชูแนวคิด ‘TURN TECH TO TEACHER’ นำเทคโนโลยีมาช่วยปลดล็อคการศึกษา ดังนี้ T - Teaching (เนื้อหาการสอน) ให้บริการบทเรียนคุณภาพที่ให้ความรู้อย่างครอบคลุมทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิตที่จำเป็น ,E – Experience (ประสบการณ์การเรียน) สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุก สั้นกระชับ และเข้าใจง่าย ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่ ,C - Classroom (ตัวช่วยครูในห้องเรียน) เป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสอนให้กับครู ไม่ได้มาแทนที่ ,H - Handmade/Personalized (เฉพาะบุคคล) การเรียนรู้ที่เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน ราวกับออกแบบมาให้เราคนเดียว
นอกจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี (TECH) แล้วความตั้งใจของ StartDee ที่จะร่วมพัฒนาการศึกษาไทยให้ดียิ่งขึ้นอย่างรอบด้าน ได้แก่
A – Access (ขยายการเข้าถึง) เข้าถึงง่ายผ่านโทรศัพท์มือถือทั้ง iOS, Android และ Desktop พร้อมร่วมมือกับ AIS แจกซิมฟรี ให้เด็ก ๆ ทั่วประเทศใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ต
E – Equality (สร้างความเท่าเทียม) สนับสนุนความเท่าเทียมทางการศึกษา โดยการร่วมมือกับ Garena, Taejai และบริษัทที่สนใจด้านการศึกษา เพื่อมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กที่อยู่ห่างไกลและมีฐานะยากจน
R – Research & Data (ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล) นำข้อมูลที่มีมาใช้วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้เรียนมากขึ้นอยู่เสมอ รวมถึงวางแผนร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ เพื่อออกแบบงานวิจัยร่วมกัน
นอกจากนี้ เมื่อกล่าวถึงประเด็นการออกแบบการศึกษาให้เด็กไทยเดินหน้าต่อได้อย่างไร้รอยต่อ และสิ่งที่ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการศึกษาควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ การออกแบบหลักสูตรให้สอดคล้องไปกับประสบการณ์เรียนออนไลน์ (online experience) ของผู้เรียน 3 ด้าน ดังนี้ 1. “จูงใจ” เริ่มจากการดึงดูดผู้เรียนให้อยากเข้ามาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ 2. “จดจ่อ” เมื่อจูงใจให้เข้ามาใช้งานได้แล้ว ต้องออกแบบบทเรียนที่ดึงความสนใจให้เรียนจนจบได้ และ 3.“จดจำ” สุดท้ายนี้ การจะออกแบบบทเรียนออนไลน์ให้สัมฤทธิ์ผลสูงสุดได้ ต้องเข้าใจและจดจำได้ง่าย
ด้านนายทัฬหวิชญ์ ฐิติรัตน์สกุล นักวิชาการด้านการปฏิรูปการศึกษา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้เผยบทเรียนสำคัญที่ภาคการศึกษาได้รับว่า ประเทศไทยยังมีข้อจำกัดในการเรียนทางไกลค่อนข้างสูง ทิศทางการปรับตัวในอนาคตต้องเริ่มจากการตั้งวัตถุประสงค์การเรียนรู้ให้ชัด แล้วเริ่มหาทางออกที่สอดคล้องกับบริบทใหม่ “ทุกภาคส่วนต้องมองหาวิธีการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษามากขึ้นนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องเปิดโอกาสให้การออกแบบการสอนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผสมผสานระหว่างระบบออฟไลน์และออนไลน์ ให้ตรงกับบริบทการสอนที่หลากหลาย”