นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ณ วันศุกร์ที่ 17 ก.ค. 2563 ตอนหนึ่งว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการลดการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธาน ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญ คือ จากเดิมที่อนุญาตนักการทูตฯเดินทางเข้ามาจากและพำนักในสถานที่ที่สถานทูตกำหนดเท่านั้น แต่หลังจากกรณีของซูดาน ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเข้าในสถานที่รัฐจัดให้เป็นเวลา 14 วัน โดยวันเดียวกันนี้เวลา 14.00 น.ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและคณะ จะประชุมเพื่อชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ และตัวแทนสถานทูตฯต่างๆทุกประเทศเกี่ยวกับแนวทางของประเทศไทย เพราะมีความละเอียดอ่อนทางสังคมไทยอย่างมาก
พร้อมกันนี้ยังพิจารณาอนุญาตให้ชาวต่างชาติจัดการแสดงสินค้า ถ่ายทำภาพยนตร์ และให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรรวมถึงผู้ที่ถือบัตรอีลิทการ์ด หรือ Thailand Elite Card เป็นบัตรที่รัฐบาลไทย เปิดขายให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งบัตรนี้มีมูลค่าสูง เขาก็ตั้งคำถามว่าเขาซื้อแล้วทำไมเข้ามาไม่ได้ จึงเปิดโอกาสแต่เมื่อเข้ามาแล้ว ก็ต้องมีมาตรการในการควบคุม รวมถึงจะมีการผ่อนคลายให้นักเรียนที่อยู่บริเวณรอบชายแดนสามารถเข้ามาศึกษาในประเทศไทยได้ รวมถึงให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติเข้ามาได้
โฆษก ศบค. ยังชี้แจงเพิ่มเติมกรณีนักการทูตจากตะวันตกที่ไม่สามารถเข้าพักในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งได้ ขณะนี้ได้มีการประสานเพื่อให้นักการทูตเข้าพักในโรงแรม Grand Centre Point Terminal 21 ซึ่งเป็น Alternative State Quarantine หนึ่งในรูปแบบของสถานที่กักกัน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (Alternative State Quarantine) ได้ที่ www.hsscovid.com
ด้านนายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ช่วงบ่ายนี้กระทรวงการต่างประเทศจะประชุมร่วมกับผู้แทนของสถานทูตต่างๆ ที่ประจำประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่อาจจะต้องเข้มข้นมากขึ้น
โดยยืนยันว่า นักการทูตไม่ใช่ VIP เพียงแต่ได้รับความคุ้มครองเอกสิทธิ์ตามอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งยังคงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายของประเทศนั้นๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี คาดว่าการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ศบค. ที่มีเลขาธิการ สมช.เป็นประธานในช่วงบ่ายวันนี้ ก็คงจะมีการทบทวนกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ระหว่างนี้ที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านหรือรอยต่อของการบังคับใช้ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือเวียนไปถึงหน่วยงานในสังกัดในการเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น ต้องให้เจ้าหน้าที่ทูตหรือนักการทูตรอผลตรวจยืนยันชัดเจนก่อนว่าเป็นลบถึงเดินทางออกจากสนามบินได้ การโน้มน้าวให้ใช้สถานที่กักตัวที่เป็นที่จำกัดไม่ปะปนกับส่วนรวม เป็นต้น
"เราจะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น เป็นการขอความร่วมมือ และให้คำนึงถึงความรู้สึกของสังคมไทย เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย...ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่หรือนักการทูต ไม่มีอภิสิทธิ์เกินไปจากที่ควรจะเป็น อาจจะเกิดความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ว่าไปไหนก็ได้ ไม่ต้องคุมแต่ต้องอยู่ภายใต้การกักตัว 14 วัน ส่วนมาตรการจะเข้มข้นขึ้นอย่างไรนั้น ต้องรอการพิจารณาในช่วงบ่ายนี้" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุ