วันนี้ (19 ก.ค. 2563) จากกรณีรายการช่องส่องผี ที่ได้เดินทางมาถ่ายทำรายการที่วัดศาลาลอย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และได้กล่าวลบหลู่ครอบครัวของท้าวสุรนารี หรือคุณย่าโม และย่าบุญเหลือ สร้างความไม่พอใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช จนประชาชนชาวโคราชหลายฝ่ายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ดำเนินรายการ และเรียกร้องให้ผู้ดำเนินรายการเดินทางมาขอขมาคุณย่าโม และย่าบุญเหลือที่จังหวัดนครราชสีมา
ต่อมา นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือบ๊วย เจ้าของรายการ ได้ประสานมายัง นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเดินทางมาทำพิธีบวงสรวงขอขมาคุณย่าโม ,ย่าบุญเหลือและพระยาปลัดทองคำ ในวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคมนี้ เวลา 14.00 น. โดยทำพิธีขอขมา 2 จุด คือ ที่วัดศาลาลอยและอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการ โดย กสทช.พิจารณาให้สถานีโทรทัศน์ช่องที่รายการช่องส่องผีออกอากาศ จอดำ 1 วัน ส่วนพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามนั้น
เมื่อเวลา 12.30 น. บรรยากาศที่บริเวณลานหน้าสถูปเจดีย์อัฐิอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีและนางสาวบุญเหลือภายในวัดศาลาลอย อ.เมืองนครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มสตรีนครราชสีมาและประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานและสังเกตการณ์จำนวนมาก
ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อส.และอปพร.กว่า 100 นาย มีการนำแผงเหล็กมากั้นไม่ให้ประชาชนเข้าในพื้นทีจัดพิธีขอขมาโดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้จัดมาตรการคัดกรองทุกคนที่มาร่วมในพิธีต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือ Face Shield แบบแว่น หน้ากากป้องกันละออง และตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง และให้ล้างมือด้วยเจลหรือแอลกอฮอล์ ป้องกันโควิด-19
ภายในบริเวณพิธีมีการจัดโต๊ะสำหรับวางถวายเครื่องเซ่นไหว้บวงสรวงดวงวิญญาณของท้าวสุรนารีและคุณย่าบุญเหลือชุดใหญ่ ตั้งโต๊ะหมู่บูชาบายศรี 5 ชั้น เครื่องเซ่นไหว้ ประกอบด้วย หัวหมู เป็ด ไก่ ปลา ผลไม้นานาชนิดอาทิ ฟักแฟง แตงโม ฟักทอง กล้วย มัน เผือก และขนมหวานโบราณ
นอกจากนี้ ยังมีพานบายศรีขอขมาตามแบบประเพณีโบราณสำหรับให้ผู้ดำเนินรายการช่องส่องผีขอขมา ประกอบด้วย ผ้าแพร ธูป เทียน พวงมาลัยดอกดาวเรือง เทียนเอก เทียนชัย ซึ่งเครื่องเซ่นไหว้บวงสรวงสักการะชุดนี้มีราคา 30,000 บาท
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือ บ๊วย พร้อมด้วยนางสาวเรนนี่ สุระประภาคำขจร หรือ อ. เรนนี่ และนายศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ หรือ เจมส์ พิธีกรผู้ดำเนินรายการช่องส่องผี ได้เดินทางมาตามนัดหมาย และทั้ง 3 คนสวมเสื้อยืดสีขาวเขียนข้อความด้านหน้าว่าช่องส่องผี ได้ก้มลงกราบอนุสาวรีย์และสถูปเจดีย์อัฐิของท้าวสุรนารีและย่าบุญเหลือ
จากนั้นได้เริ่มประกอบพิธีบวงสรวงขอขมา โดยพราหมณ์และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจ.นครราชสีมา อ่านพิธีกรรม จากนั้น นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือ บ๊วย พร้อมด้วย เรนนี่ สุระประภาคำขจร หรือ อ. เรนนี และนายศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ หรือ เจมส์ ได้กล่าวคำขอขมามีข้อความ ดังนี้
“ กระผม/ดิฉัน ( นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ ,นางสาวเรนนี่ สุระประภาคำขจร และนายศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ)พิธีกรรายการช่องส่องผีและสมาชิกครอบครัวช่องส่องผี พวกเราทั้งหมดขอเป็นตัวแทนครอบครัวช่องส่องผีเดินทางมาเพื่อกราบขอขมาดวงทิพย์พระยาปลัดทองคำ ดวงทิพย์ท่านท้าวสุรนารีและดวงทิพย์คุณย่าบุญเหลือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกดวงจิตที่สถิต ณ สถานที่แห่งนี้ ต่อหน้าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมาที่เคารพทุกท่านที่มีความเคารพและศรัทธาดวงวิญญาณท่านทั้งสาม
ข้าพเจ้าในนามรายการช่องส่องผี ยอมรับผิดในความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากประวัติศาสตร์ บัดนี้ข้าพเจ้าได้เข้าใจแล้วข้าพเจ้าต้อวงกราบขอขมาโทษที่ได้เผยแพร่รายการช่องส่องผีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท่านพระยาปลัดทองคำ ท่านท้าวสุรนารีและคุณย่าบุญเหลือที่ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมาได้โปรดรับทราบและเป็นพยานว่า ข้าพเจ้าเหล่าพิธีกรและทีมงานรายการช่องส่องผีมีความสำนึกผิด พร้อมนี้ได้จัดเครื่องบวงสรวงสักการะอันเป็นมงคลทั้งหลายทั้งปวงนี้ถวายแด่ทิพย์ท่านทั้งสาม ขอให้ดวงทิพย์ของท่านทั้งสามโปรดยกโทษให้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าและทีมงานช่องส่องผี ณ บัดนี้ เทอญ จากนั้น”บ๊วย”และ”เจมส์” สองพิธีกรได้เป่าสังข์เป็นเสร็จพิธี
เป็นที่สังเกตว่า เรนนี่ บอกเป็นคนโคราช แต่ระหว่างกล่าวคำขอขมาเรนนี่ เอยชื่อจังหวัดผิดจากนครราชสีมาเป็นนครศรีธรรมราช จนมีเสียงตะโกนจากชาวโคราชว่าตั้งใจหน่อย และสำเนียงก็ไม่ใช่ภาษาโคราช
จากนั้นคณะของ 3 พิธีกร และแฟนคลับสมาชิกรายการช่องส่องผี พร้อมด้วยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านส่วนราชการ ตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มสตรีจ.นครราชสีมา ได้เดินทางไปยังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม) ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เพื่อประกอบพิธีบวงสรวงขอขมาเช่นเดียวกัน
ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองนครราชสีมา, สารวัตรทหารจากค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2,อส.และอปพร.กว่า 150 นาย รวมทั้งกองทัพสื่อมวลชนจากทุกสาขา,ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา และแฟนคลับสมาชิก รายการช่องส่องผีกว่า 2,000 คน มาร่วมและสังเกตการณ์
โดยนายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือ บ๊วย พร้อมด้วย เรนนี่ สุระประภาคำขจร หรือ อ. เรนนี และนายศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ หรือ เจมส์ ได้ประกอบพิธีบวงสรวงทิพย์วิญญาณของท่านท้าวสุรนารีและจากนั้นนางสาวเรนนี่ฯ ได้เป็นตัวแทนของพิธีกรทั้งสามคนกล่าวคำขอขมา เนื้อหาเช่นเดียวกับคำกล่าวขอขมาที่วัดศาลาลอย
หลังเสร็จพิธีบวงสรวงขอขมา นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือ บ๊วย ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง บริจาคเงินจำนวน 1 ล้าน 8 แสนบาท เพื่อจัดสร้างห้องความดันลบสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด -19 แก่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยเงินที่บริจาคได้มาจากประชาชนที่บริจาคให้กับรายการช่องส่องผีและรายได้ของรายการ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้กันตัว 3 พิธีกรรายการช่องส่องผีขึ้นรถตู้สีดำออกจากบริเวณหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีออกไปทันที
โดยบรรยากาศการบวงสรวงขอขมาที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีมีชาวบ้านบางคนที่มีอารมณ์โกรธเคืองพิธีกรทั้งสามคนได้ตะโกนต่อว่า 3 พิธีกร แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่กันตัวออกไปจากบริเวณประกอบพิธี และก่อนที่ 3 พิธีกรจะเดินทางกลับขึ้นรถตู้ก็มีการกรูและผลักดันเพื่อเข้าประชิดตัวและเคาะรถตู้ของสามพิธีกรเล็กน้อยแต่เหตุการณ์ก็ผ่านพ้นโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ด้านนางสาวลภัสดา ณัฐอาภาพล รองประธานสภาทนายความ และกลุ่มสตรีย่าโม จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า วันนี้เราให้อภัยถ้าเขาสำนึกผิดจริง แต่ความรู้สึกของชาวโคราชส่วนใหญ่ยังคาใจในสำนึกผิดของพิธีกรช่องส่องผี โดยเฉพาะคุณเรนนี่ บอกเป็นคนโคราช แต่สำเนียงที่อ่านโองการคำขอขมาไม่ใช่สำเนียงชาวโคราช และยังเอ่ยชื่อจังหวัดนครราชสีมาเป็นนครศรีธรรมราช คุณย่าโมท่านศักดิ์สิทธิใครทำอย่าไรก็ได้อย่างนั้น
“ตอนนี้เราเรียกร้องให้ทางรายการลบคลิปของย่าโมออกจากรายการช่องส่องผีทุกสื่อรวมทั้งยูทูปด้วย ในเรื่องคดีความก็ว่ากันไปตามกฏหมาย อยากฝากถึงคุณบ๊วย เป็นคนมีความสามารถควรผลิตรายการที่มีสาระเป็นประโยชน์ต่อสังคม”นางสาวลภัสดา กล่าว