รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยมีเนื้อหาระบุว่า
จากสถานการณ์การระบาดรุนแรงทั่วโลกเช่นนี้...คำพูดที่ผมจะไม่มีวันพูดออกมาสู่สาธารณะเลยคือ ...ก็แค่หวัดธรรมดา... ก็เหมือนโรคติดต่ออื่นๆ ทั่วไป... ...ระบบเราเจ๋ง เอาอยู่ จงเชื่อมั่น เชื่อฉันเถิด อย่าขวางนโยบายเกาะสวรรค์ของกรู...
เพราะทั้งสามวลีดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์ และประชาชนที่รู้เท่าทัน หรือแม้แต่เด็กเล็กๆ หลายต่อหลายคนก็รู้ว่า...มันไม่จริง...
ตัวเลขติดเชื้อสะสมที่พุ่งเกิน 27 ล้านไปแล้ว ตายไปเกือบเก้าแสน แถมติดเชื้อเพิ่มรวดเร็ว 1 ล้านคนในทุกๆ 4 วัน
หวัดธรรมดามันทำไม่ได้... โรคติดต่ออื่นๆ ทั่วไป มันก็ทำไม่ได้ครับ...
แถมทั่วโลก แม้แต่ประเทศที่มีเงินถุงเงินถัง ทรัพยากรในระบบมากมายกว่าเราหลายเท่า...ก็เอาไม่อยู่...แม้เคยคุมระลอกแรกได้ พอเปิดอ้าซ่าก็ระบาดซ้ำเละเทะ รุนแรง รวดเร็ว คุมได้ยาก ผลกระทบวงกว้างยาวนานดังที่เห็นในปัจจุบัน
ยิ่งหากผมต้องไปกำหนดนโยบายของประเทศ ที่มีผลต่อประชาชนทุกคนในสังคม สิ่งที่จะทำหากผมคุมแล้วเกิดการระบาดครั้งแรกรุนแรง หรือแม้แต่ติดเชื้อซ้ำขึ้นมาในประเทศ คือการให้คนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนทันที
ผมคงไม่สามารถเค้นน้ำตาออกสื่อ เพราะมันไม่เกิดประโยชน์หรือคุณค่าอันใดต่อประชาชนในประเทศ
หลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็มีตัวอย่างที่ดีของการแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะทำตาม
จะเพราะอะไร ก็คงต้องเดากันไป...
...วันนี้ไทยเรามีรายงานเคสใหม่ 1 คน ชาวอินเดียเดินทางเข้ามาไทย และตรวจพบว่าติดเชื้อ ขอให้ปลอดภัยและหายไวไวครับ เชื่อว่าทุกคนเอาใจช่วย
...เคสคนไทยที่เป็นดีเจที่รัฐรายงานไปหลายวันก่อน ชัดเจนว่าเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ยังหาต้นตอไม่ได้ โอกาสจะหาได้จริงก็คงยากมาก
...เคสล่าสุดที่เป็นคนเกาหลีที่เดินทางจากไทยกลับไปยังประเทศเค้าแล้วตรวจพบว่าติดเชื้อนั้น หากดูการแถลงวันนี้ ดูเหมือนจะมีแนวโน้มสูงมากที่จะบ่งถึงการติดเชื้อภายในประเทศเช่นกัน
...หากผนวกไปกับบางเคสก่อนหน้านี้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ กักตัว 14 วัน ตรวจไม่พบทั้งสองครั้ง แล้วไปใช้ชีวิต 6 สัปดาห์ ก่อนมาตรวจพบว่าติดเชื้อปริมาณน้อย และมีแอนติบอดี้ IgG ก็มีโอกาสเช่นกัน
สถานการณ์เช่นนี้ไม่ดีนะครับ เพราะแต่ละรายมาด้วยบริบทแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แปลกันตรงๆ คือ มีความเป็นไปได้สูงที่มีการติดเชื้อในประเทศซึ่งอาจอยู่ในกลุ่มประชากรที่หลากหลายกว่าที่เราคาดไว้
ด้วยลักษณะเช่นนี้ ยุทธวิธีที่รัฐควรทำอย่างยิ่งคือ
หนึ่ง รณรงค์ตรวจ COVID-19 อย่างกว้างขวาง (Universal screening) เพื่อหาเจอให้เร็ว และนำเข้าสู่ระบบเฝ้าสังเกตอาการและดูแลรักษา เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด
สอง ตรวจสอบ กำกับ ติดตาม การดำเนินกิจการเสี่ยงสูงทุกประเภทอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ให้ดำเนินตามมาตรฐานที่กำหนด พร้อมการลงโทษ ปรับ จับ ปิด อย่างเคร่งครัด
สาม ออกระเบียบให้ทุกกิจการที่ใช้แรงงานต่างด้าวทุกประเภท ส่งแรงงานเหล่านั้นไปตรวจ COVID-19 กับเครือข่ายสถานพยาบาลในพื้นที่ ทุก 1-2 สัปดาห์ โดยอาจใช้วิธีการสุ่มตรวจน้ำลายรวมเป็นขั้นตอนแรก หากผลบวกโดยวิธี RT-PCR ก็ให้ตรวจรายบุคคลต่อไป
สี่ ทบทวนการอนุญาตกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย โดยพิจารณาเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
ห้า ยุติการผลักดันนโยบายนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ประเทศเพื่อหวังหาเงินท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงทั่วโลกเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นฟองสบู่ท่องเที่ยว เกาะสวรรค์จังหวัดร่ำรวย หรือแม้แต่การสร้างวาทกรรมนำนักท่องเที่ยวจำนวนจำกัดเข้ามาก็ตามแต่
หายนะ...จะมาอย่างรวดเร็ว รุนแรง และยากที่จะคุมได้ หากเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในขณะนี้ จำเป็นต้องชะลอไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือนครับ
ที่แบกหน้ามาออกข่าวว่า...ขออย่ามาขวางโมเดลเกาะสวรรค์...นั้น
กล้าพูดมาได้อย่างไร...อยากถามตรงๆ หากผลักดันแล้วเกิดผลกระทบต่อแค่กลุ่มคนที่ผลักดัน คงไม่ขวางและจะรอดู
แต่ผลกระทบมันจะเกิดขึ้นกับชีวิตทุกคนในประเทศ... ยอมไม่ได้เด็ดขาดครับ... ขอให้ประชาชนทุกคน รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเสมอ...ประเทศไทยต้องทำได้ ด้วยรักต่อทุกคน