ข้อมูลจากรายงาน 2 ฉบับของมาสเตอร์การ์ด ซึ่งได้วิเคราะห์การปรับตัวของธุรกิจและผู้บริโภคเพื่อให้รอดพ้นวิกฤตโควิด-19 รวมถึงการเตรียมตัวเพื่ออนาคต เผยว่า ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤติ โควิด-19 กำลังกลายเป็นตัวขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและความบันเทิงที่ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว
Sailing Against the Wind คือรายงาน 1 ใน 2 ฉบับที่รวมรวบกรณีศึกษาจาก 6 อุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งได้แก่ ร้านอาหารและภัตตาคาร การเงิน การค้าปลีกขนาดใหญ่ สุขภาพและความงาม การท่องเที่ยว และรัฐบาล ซึ่งเน้นถึงแผนดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ในการนำการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาช่วย อย่างการจับกลุ่มธุรกิจตามประสิทธิภาพของการดำเนินงาน การจัดกลุ่มผู้บริโภค และการจัดทำกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ ตัวอย่างที่ถูกหยิบยกเป็นกรณีศึกษายังครอบคลุมถึงภาพรวมของแต่ละอุตสาหกรรมในการใช้ข้อมูล เครื่องมือ และความเชี่ยวชาญที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ที่จะช่วยสร้างและขับเคลื่อนแผนรับมือที่มีประสิทธิภาพ
นายโดนัลด์ ออง รองประธานกรรมการอาวุโส ที่ปรึกษามาสเตอร์การ์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตโควิด-19 เป็นเวลานานกว่าธุรกิจในภูมิภาคอื่น ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีเข็มทิศที่จะสามารถช่วยชี้ทางไปสู่การเติบโตได้ ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายกำลังมองหาทิศทางเหล่านี้ผ่านการใช้ข้อมูลเพื่อหาแนวโน้มการตลาดที่สำคัญ
เมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การวางแผนกลยุทธ์ที่เน้นการสื่อสารและการปรับตัวอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา (Agile Strategic Planning) การเน้นความสำคัญไปที่ผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการมุ่งพัฒนาด้านดิจิทัล ธุรกิจเหล่านี้กำลังเร่งฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดอย่างชัดเจน
หลังจากที่รัฐบาลเริ่มผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเคลื่อนไหวและเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว รายงานอีกหนึ่งฉบับของมาสเตอร์การ์ดที่มีชื่อว่า Mastercard Recovery Insights: Travel Check-In ได้ระบุถึงแนวโน้มหลักๆ ในประเทศในกลุ่ม G20 ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมของการใช้จ่ายของผู้คน รายงานระบุว่า ผู้คนหันไปใช้จ่ายตามร้านค้าขนาดเล็กที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงมากขึ้นเนื่องจากผู้คนเดินทางและใช้จ่ายใกล้บ้านมากขึ้น
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการทำธุรกรรมที่ไม่ได้ระบุตัวตนผ่านเครือข่ายของมาสเตอร์การ์ดพบว่า ประเทศอิตาลี รัสเซีย และฝรั่งเศสสามารถฟื้นตัวด้านการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและความบันเทิงได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป ซึ่งหลักๆ เป็นผลมาจากการที่ประเทศในสหภาพยุโรปเปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่ในทางตรงกันข้าม การฟื้นตัวด้านการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและความบันเทิงของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยภายในประเทศ มากกว่าความปลอดภัยในการจัดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในภูมิภาค
รายงาน Mastercard Recovery Insights: Travel Check-In ได้ระบุถึงแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นว่า "เทรนด์ผู้คนใช้จ่ายใกล้บ้านมากขึ้น" ผู้บริโภคเริ่มออกไปใช้จ่ายนอกบ้าน แต่ยังคงระมัดระวังตัว จึงจับจ่ายแค่เพียงกับร้านค้าในพื้นที่ใกล้บ้านเท่านั้น "โรงแรมบูทีคกลายเป็นที่นิยม" นักท่องเที่ยวเลือกที่จะพักผ่อนตามโรงแรมขนาดเล็กมากขึ้น ทำให้ยอดใช้จ่ายที่โรงแรมบูทีคมีปริมาณสูงขึ้น ปัจจุบันโรงแรมขนาดเล็กทั่วโลก มีอัตราการฟื้นฟูเร็วกว่าโรงแรมขนาดใหญ่กว่า 50% และ "การท่องเที่ยวที่ไม่ใช่เพื่อธุรกิจฟื้นตัวได้ดีกว่า" จากการวิเคราะห์ข้อมูลบัตรเครดิตและเดบิตพบว่า ยอดใช้จ่ายในการเดินทางที่ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ ทั้งตั๋วเครื่องบินและบริการเช่ารถ มีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าการเดินทางเพื่อธุรกิจ
มาสเตอร์การ์ด มีเป้าหมายในการช่วยเหลือ ร้านค้า ร้านอาหาร แบรนด์ของผู้บริโภค และอีกมากมาย ในการก้าวข้ามผ่านปัญหาจากวิกฤตโควิด-19 เสมอมา พร้อมสนับสนุนการฟื้นฟูธุรกิจ ซึ่งได้รวมถึงการสร้างเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มสำคัญให้แก่รัฐบาลและธุรกิจขนาดเล็ก เพื่ออัพเดตข้อมูลด้านเศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที ความสามารถในการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด นับเป็นสิ่งสำคัญในการที่บริษัทและชุมชนทั่วโลกจะประสบความสำเร็จในระยะยาว