“แสนสิริ" พร้อมแบ่งปัน แม้เจอวิกฤต

"เศรษฐา" บอกว่า สิ่งที่ทำ คือ เกิดจาก Passion ส่วนตัว และการทำธุรกิจ ก็ต้องมีในการรับผิดชอบสังคม สิ่งที่แสนสิริมุ่งมั่นช่วยเหลือ พัฒนาและแก้ปัญหาให้กับเด็กๆ เดินหน้าตาม 4 แนวคิดหลัก คือ 

Good Workplace ที่ร่วมกับคู่ค้ากว่า 180 ราย เข้าร่วมลงนามสนับสนุนการยุติการใช้แรงงานเด็กอย่างเป็นรูปธรรม กำหนดให้คู่ค้าทางธุรกิจ ต้องทำสัญญา “ข้อสัญญาคุ้มครองแรงงานเด็ก” และโครงการ Breastfeeding Room ออกแบบออฟฟิศให้เป็นมิตรสำหรับแม่และเด็ก, Good Space ขยายความร่วมมือไปยังคู่ค้า ผ่านโครงการ “The Good Space” สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในสถานที่ก่อสร้าง, Good Community ช่วยเหลือสังคม สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็กอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันเชิงนโยบาย เช่น Iodine Please ผลักดันให้เกิดกฏหมายที่กำหนดให้มีการเติมสารไอโอดีนในเกลือบริโภค และประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554  โครงการ Zero Child Labour และBest Start เป็นต้น

และ Good Global Citizen มุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก เพราะฉะนั้น แสนสิริจึงเลือกที่จะสนับสนุนยูนิเซฟ ด้วยการบริจาคเงินให้แก่กองทุนช่วยเหลือฉุกเฉินของยูนิเซฟ (UNICEF Global Emergency Fund) ปีละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 325 ล้านบาท  เพื่อการช่วยเหลือเด็กไทยและเด็กทั่วโลก โดยไม่มีการแบ่งแยก และยังทำโครงการร่วมกับยูนิเซฟอีกถึง 17 โครงการ

สำหรับปีนี้ ที่โลกเจอกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 "เศรษฐา" ได้เติมเงินช่วยเหลืออีก 2 ล้านบาท ผ่านมูลนิธิเสริมกล้า และเงินส่วนตัวจากการขายหนังสืออีก 5 แสนบาท ให้กับยูนิเซฟประเทศไทย โดยเขายืนยันว่า ตราบใดที่ยังพอมีกำลังจะยังให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง เพราะนั่นคือหน้าที่ของ Good Global Citizen โดยเขาพร้อมที่จะบริหารดูแล ทั้ง องค์กร พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคม ไปพร้อมๆ กัน

"โธมัส ดาวิน" ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า การบริจาคของแสนสิริไม่ได้กำหนดเงื่อนไข และเป็นการช่วยเหลือที่ไม่แบ่งแยก โดยแสนสิริยังได้ชักชวนพันธมิตรให้เข้าร่วมสนับสนุนการช่วยเหลือเด็กของยูนิเซฟด้วย แสนสิริถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของยูนิเซฟในภูมิภาคเอเชียที่แสดงให้เห็นว่าเรื่องของเด็ก คือ เรื่องของทุกคน 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,612 วันที่ 24 - 26 กันยายน พ.ศ. 2563