จุดเสี่ยงน้ำท่วมกทม. 14 แห่ง เช็กที่นี่

07 ต.ค. 2563 | 08:31 น.

เปิดจุดเสี่ยงน้ำท่วมกทม. 14 แห่ง ด้าน กทม. เตรียมรับมือฝน 7-9 ต.ค.เต็มที่ จัดรถรับส่งประชาชนเข้าออกพื้นที่น้ำท่วมขังในชั่วโมงเร่งด่วน

วันที่ 7 ต.ค.63 เพจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล - บช.น. โพสต์อินโฟกราฟฟิก จุดเสี่ยงน้ำท่วม 14 แห่ง ระบุว่า

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประกาศฉบับที่ 6 รับมือ "ดีเปรสชัน"

 

ข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ระบุว่า สำหรับจุดเสี่ยงน้ำท่วม 14 แห่ง อาจเกิดน้ำท่วมขัง แม้ฝนน้อยกว่า 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ได้แก่

1. ถนนแจ้งวัฒนะ จากคลองประปาถึงคลองเปรมประชากร

2. ถนนรัชดาภิเษก หน้าธนาคารกรุงเทพ

3. ถนนพหลโยธิน ช่วงหน้าตลาดอมรพันธุ์ และแยกเกษตรศาสตร์

4. ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แยกเตาปูน

5. ถนนราชวิถี หน้ามหาวิทยาลัยสวนดุสิตและเชิงสะพานกรุงธน

6. ถนนพญาไท บริเวณหน้ากรมปศุสัตว์

7. ถนนศรีอยุธยา บริเวณหน้า สน.พญาไท

8. ถนนจันทน์ จากซอยบำเพ็ญกุศล ถึงที่ทำการไปรษณีย์ยานนาวา

9. ถนนสาธุประดิษฐ์ แยกถนนจันทน์

10. ถนนสวนพลู จากถนนสาทรใต้ ถีงถนนนางลิ้นจี่

11. ถนนสุวินทวงศ์ จากคลองสามวาถึงคลองแสนแสบ

12. ถนนเพชรเกษม จากคลองทวีวัฒนาถึงคลองราชมนตรี

13. ซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ จากถนนเพชรเกษมถึงวงเวียนกาญจนาภิเษก

14. ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล จากถนนพระราม 2 ถึงคลองสะแกงาม

เพจ สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร  โพสต์ข้อความระบุว่า 7 ต.ค. 63 เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการทำงานของศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร สำนักการระบายน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่นที่อาจทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วงระหว่างวันที่ 7-9 ต.ค.นี้ โดยมี นายสมพงษ์ เวียงแก้ว และนางจินดารัตน์ ชโยธิน ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจเยี่ยม นายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ รายงานข้อมูลการปฏิบัติงาน ณ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ชั้น 6 สำนักการระบายน้ำ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง

 

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่า ในช่วงวันที่ 7-9 ต.ค. 63 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชัน และเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งกรณีดังกล่าวกรุงเทพมหานครไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากพายุดีเปรสชั่นดังกล่าว โดยมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ฝนและเฝ้าระวังปัญหาน้ำขังเร่งระบายในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้แบ่งภารกิจเฝ้าระวังติดตามในพื้นที่ต่างๆ ด้วย

 

ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.63) จะลงพื้นที่บริเวณอุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9 เพื่อตรวจสอบว่าต้องดำเนินการในส่วนใดเพิ่มเติมบ้าง ส่วนตัวคาดว่าพายุดังกล่าวจะส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ สูงสุดประมาณ 100 มิลลิเมตร ซึ่งก็ได้เตรียมความพร้อมรับมือฝนอย่างเต็มที่ ทั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มกำลัง รวมถึงการจัดเจ้าหน้าประจำจุดเสี่ยงต่างๆ ทั้งนี้ที่ผ่านมาในเดือน ส.ค. 63 มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ มากถึง 150 มิลลิเมตร โดยเมื่อวันที่ 2 ต.ค.มีฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตร ซึ่งหากมีฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตร จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำเพิ่มขึ้น ขณะนี้มี 2 จุดที่ใช้เวลาในการระบายน้ำนานสุดประมาณ 3 ชั่วโมง คือ บริเวณสุขุมวิท 71 ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับ อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ และบริเวณหน้าวัดศรีเอี่ยม ซึ่งเป็นพื้นที่แอ่งกระทะและอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ทางรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว

 

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้กำชับให้สำนักการระบายน้ำลดระดับน้ำในคลองเพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำฝนในระยะนี้ สำนักงานเขตจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงต่างๆ คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนหากเกิดกรณีมีน้ำขังเร่งระบาย และหากพื้นที่ใดที่มีน้ำสูงทำให้เดินทางเข้าออกลำบากให้สำนักงานเขตจัดรถบริการรับส่งประชาชน ซึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังรอระบายนั้นกรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญตลอดมา จะเห็นว่าปัจจุบันการระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพมหานครสามารถทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่หากเกิดฝนตกหนักปริมาณมากกว่า 100 มิลลิเมตร จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานครพร้อมให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด