14 ตุลาคม 2563 ที่โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564 พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นายอนุทิน กล่าวว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “กองทุนบัตรทอง” ในปีงบประมาณ 2564 นี้ นับเป็นก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 ตลอดระยะเวลาได้มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานกองทุนอย่างต่อเนื่อง ตามสถานการณ์ต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีสถานการณ์ที่ทำให้กองทุนฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการในบางส่วนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม สถานการณ์แรกคือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 เริ่มพบผู้ที่ติดเชื้อในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและความคุมโรคอย่างเข้มข้น ทำให้วันนี้ไทยมีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 3,641 ราย เสียชีวิต 59 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ต.ค. 63) ขณะที่ทั่วโลกในหลายประเทศ รวมมีผู้ติดเชื้อถึง 37.7 ล้านคน เสียชีวิตกว่าล้านคนแล้ว
“กองทุนบัตรทอง” เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันและควบคุมโควิด-19 ทั้งการคัดกรอง การรักษา ค่ายา อุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อดูแลประชาชน ทันทีเมื่อมีแนวโน้มการแพร่ระบาด ได้มีการจัดงบประมาณ “กองทุนบัตรทองโควิด-19” โดยใช้งบสะสมรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสมของกองทุนฯ และเพิ่มเติมจากงบกลาง รวมกว่า 4.2 พันล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชวนคน กทม. เสนอชื่อคลินิกในดวงใจเข้าร่วมในระบบบัตรทอง
ดีเดย์ 1 พ.ย. สิทธิบัตรทอง กทม. รักษาหน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกที่
ประกันสังคม บัตรทอง ประกันสุขภาพ เลือกอย่างไรให้ตรงใจวัยเกษียณ
สปสช.เปิดรับสมัครสถานพยาบาลเข้าร่วมเครือข่ายบัตรทอง ตั้งเป้า 500 แห่ง
สะท้อนถึงศักยภาพและประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนที่ทันต่อสถานการณ์แม้ในยามเร่งด่วน โดยไม่กระทบต่องบดูแลผู้ป่วยและให้บริการในระบบตามปกติ พร้อมปรับการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนเพิ่มเติม อาทิ โครงการผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้าน โครงการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ การสนับสนุนหน่วยบริการจัดระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth/Telemedicine) การปรับหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) เพื่อให้ท้องถิ่นนำงบมาใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่
นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีคลินิกบัตรทองในเขต กทม. เบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งพบความผิดปกติของข้อมูลเบิกจ่ายที่ตรวจพบโดยระบบตรวจสอบของ สปสช. เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะกระทบต่อผู้มีสิทธิจากความจำเป็นในการยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทอง แต่ที่ผ่านมา สปสช. ได้เร่งแก้ไข จับมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีสถานพยาบาลในสังกัดเพื่อรองรับดูแลผู้ป่วยเร่งด่วนและดูแลต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง ระหว่างนี้ได้เร่งจัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิทดแทนเพื่อให้บริการ กรณีนี้แม้เป็นภาวะวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาสในการปฏิรูปบริการปฐมภูมิในพื้นที่ กทม. ขณะนี้ สปสช. ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดวางโครงสร้างระบบบริการรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2564 นี้ เรียกได้ว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสำหรับคน กทม.
แจงงบบัตรทองปี 64
สำหรับปี 2564 นี้ กองทุนบัตรทองยังคงเดินหน้าให้การดูแลประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลยินดีสนับสนุนนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและงบประมาณกองทุนบัตรทองอย่างต่อเนื่อง โดยปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลจัดสรรงบกองทุนบัตรทอง 194,508.78 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่ายรายหัว 177,198.99 ล้านบาท หลังหักเงินเดือนภาครัฐ 52,143.97 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่ายที่ส่งให้ สปสช.บริหาร 125,055.01 ล้านบาท และงบนอกเหมาจ่ายรายหัวอีก 17,309.79 ล้านบาท
“การบริหารงบบัตรทองในแต่ละปี เน้นที่ความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ มุ่งดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการสุขภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยปีงบประมาณ 2564 นี้ จากการประชุมบอร์ด สปสช. ล่าสุด ได้เห็นชอบการยกระดับบริการบัตรทอง 4 รายการ คือ 1.นำร่องเข้ารับบริการปฐมภูมิบัตรทองที่หน่วยบริการทุกแห่งในเครือข่ายบริการใน กทม. จะเริ่มในวันที่ 1 พ.ย. นี้ 2.ผู้ป่วยในไม่ต้องใช้ใบส่งตัว นำร่องที่เขต 9 นครราชสีมาในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ใน กทม.และปริมณฑลจะเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 64 3.โรคมะเร็งไปรับบริการที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่พร้อมและร่วมให้บริการ โดยจะมีการจัดสรรทรัพยากรแต่ละหน่วยบริการเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องรอคิวนาน และ 4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค. 64 สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาและปรับปรุงการบริหารจัดการกองทุนบัตรทองที่ไม่หยุดนิ่ง ตอบสนองความต้องการผู้มีสิทธิ เพื่อให้เป็นหลักประกันด้านสุขภาพแท้จริงของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบริหารกองทุนบัตรทอง ทั้งในส่วนผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ องค์กรวิชาชีพด้านการแพทย์ และภาคประชาชน ทำให้กองทุนบัตรทองเดินมาถึงวันนี้ และในปี 2564 เชื่อมั่นว่าทุกภาคส่วนจะยังคงให้ความร่วมมือด้วยดี ทั้งการให้บริการ การดำเนินสิทธิประโยชน์ต่างๆ ภายใต้กองทุนฯ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือประชาชน
ขณะเดียวกันนโยบายในปี 2564 ยังคงให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการควบคู่ สนับสนุนการให้บริการของหน่วยบริการ ลดขั้นตอนต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้หน่วยบริการสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในระบบบริการเพิ่มขึ้น อาทิ บริการจองสิทธิฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่, การยืนยันตัวตนผู้รับบริการด้วยสมาร์ทการ์ด, การเพิ่มการเข้าถึงบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคผ่าน “เป๋าตังสุขภาพ” บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่ร่วมกับธนาคารกรุงไทย และการให้บริการระบบการแพทย์ทางไกล เป็นต้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2564 นี้