น้ำป่าทะลักวังน้ำเขียว มีผู้เสียชีวิตแล้ว

01 พ.ย. 2563 | 03:33 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2563 | 10:48 น.

อิทธิพล"พายุโมลาเบ"ทำน้ำป่าทะลักวังน้ำเขียวมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ด้านปภ.ลุยสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศและเร่งให้การช่วยเหลือ

วันที่ 1 พ.ย. 63 เวลา  09.30 น. มีรายงานว่า พบชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย หลังโดนน้ำหลากอย่างรวดเร็ว ที่บ้านน้ำซับ ต.ไทยสามัคคี  อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เนื่องจากฝนตกหนักทั้งคืน โดยมีทีม Rope Rescue จุดโพธิ์กลาง สนธิกำลังร่วมกู้ภัยทางน้ำส่วนหน้า หน่วยเฉพาะกิจ ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนภารกิจ ค้นหาผู้สูญหาและเคลื่อนย้ายอพยพประชาชน

 

น้ำป่าทะลักเข้าท่วมวังน้ำเขียว​


ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก   ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 34 จังหวัด รวม 153 อำเภอ 548 ตำบล 2,343 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 91,644 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย (จันทบุรี ตรัง ปราจีนบุรี จังหวัดละ 1 ราย และสุราษฎร์ธานี 3 ราย) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) 


ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี จันทบุรี สุราษฎร์ธานี และสุพรรณบุรี ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน 
 

ทั้งนี้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (1 พฤศจิกายน 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 34 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง 


อุทัยธานี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา


รวม 153 อำเภอ 548 ตำบล 2,343 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 91,644 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย (จันทบุรี ตรัง ปราจีนบุรี จังหวัดละ 1 ราย และสุราษฎร์ธานี 3 ราย)  บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) 

น้ำป่าทะลักวังน้ำเขียว มีผู้เสียชีวิตแล้ว
แยกเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก 32 จังหวัด รวม 130 อำเภอ 517ตำบล 2,302 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 91,567 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย (จันทบุรี ตรัง ปราจีนบุรี จังหวัดละ 1 ราย และสุราษฎร์ธานี 3 ราย)


ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 28 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมขัง 4 จังหวัด ดังนี้


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 14 อำเภอ 69 ตำบล 244 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอปักธงชัย อำเภอโชคชัย อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอจักราช และอำเภอห้วยแถลง ระดับน้ำลดลง


ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอกบินทร์บุรี ระดับน้ำลดลง 


ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเคียนซา และอำเภอพุนพิน ระดับน้ำลดลง


ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสองพี่น้อง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี และอำเภอบางปลาม้า ระดับน้ำลดลง
 

พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย

7 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท กาญจนบุรี สิงห์บุรี กาญจนบุรี พังงา ชุมพร และอุบลราชธานี รวม 18 อำเภอ 25 ตำบล 35 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 77 หลัง บาดเจ็บ 3 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างการฟื้นฟู

พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 5 อำเภอ 6 ตำบล  6 หมู่บ้าน

น้ำป่าทะลักวังน้ำเขียว มีผู้เสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัดหน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน  รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อการดำรงชีพ


สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว

น้ำป่าทะลักวังน้ำเขียว มีผู้เสียชีวิตแล้ว
 สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง