ชำแหละแผน 5 ปี "BAFS"

09 พ.ย. 2563 | 02:50 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2563 | 10:34 น.

กว่า 17 ปี ของกลุ่มบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบาฟส์ (BAFS) ที่เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างคลังน้ำมันที่ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ในปีนี้ ถือเป็นปีที่บาฟส์ เจอกับวิกฤตที่สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุด เพราะการล็อคดาวน์ของหลายๆ ประเทศ รวมทั้งไทย ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก รายได้ที่เคยเติบต่อเนื่องหยุดกึ๊ก ตั้งแต่ ก.พ.- มี.ค. ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานลดลงต่อเนื่อง และต่ำสุดคือเม.ษ. ที่ลดเหลือเพียง 58 ล้านลิตร จากเดิม 560 ล้านลิตร

"หม่อมราชวงศ์ ศุภดิศ ดิศกุล" ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบาฟส์ (BAFS) กล่าวว่า อัตราน้ำมันในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 2,287.7 ล้านลิตร มีอัตราเติบโตติดลบ 63% แม้ภาพรวมจะเริ่มขยับตัวดีขึ้น จากการที่รัฐบาลเริ่มเปิดประเทศ แต่รายได้ยังกลับมาไม่มาก

ผู้นำ บาฟส์ ยอมรับว่า บาฟส์ได้รับผลกระทบจากโควิด - 19 อย่างแรง เพราะธุรกิจพึ่งธุรกิจหลักคือน้ำมันมากเกินไป ซึ่งจริงๆ คณะบริหารมองเห็นและพยายามปรับปรุงเรื่องช่องทางการสร้างรายได้ขององค์กรอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผลกระทบคร้งนี้ค่อนข้างกระทันหัน โครงสร้างธุรกิจที่วางแผนไว้แล้ว จึงไม่สามารถกระจายตัวได้ทัน

ชำแหละแผน 5 ปี \"BAFS\"

"หม่อมราชวงศ์ ศุภดิศ" เล่าว่า ณ.วันนี้ บาฟส์ มีบริษัทย่อย 7 บริษัท คือ 1.บริษัท ทาร์โก้ เป็นบริษัทที่วางท่อส่งน้ำมันใต้สนามบิน 2.บริษัท ไอพีเอส เป็นบริษัทร่วมทุนกับ ปตท. ทำหน้าที่เกี่ยวกับด้านแรงงาน 3.บริษัท บีไอดี อินโนเวชั่นแอนด์ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นบริษัทเกี่ยวกับนวัตกรรม ลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ซึ่งขณะนี้มีบริษัทลูก 2 บริษัท คือ เอสดีแอลที ทำหน้าที่เกี่ยวกับบล็อกเชนกับเอไอ และบริษัท พี.เอส.โซลูชั่น ทำหน้าที่เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์เน็ตเวิร์ค 4. บริษัท บาฟส์ อินเทค บริษัทประกอบรถยนต์เติมน้ำมัน 5. บริษัท บีพีทีจี บริษัทร่วมทุนกับ พีที ทำเรื่องรีเทลน้ำมัน 6. บริษัท บาฟส์ คลีน เพิ่งเปิดมีนาคม 2563 ทำโครงการพลังงานสีเขียว และ 7. บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด(FPT)

โครงสร้างรายได้เดิม 93% บาฟส์ มาจากธุรกิจหลัก (Core Business) ที่เหลือเป็น Non-Core 7%  แต่ในปี 2562 ธุรกิจหลักลดลงเหลือ 80% เป็น Non-Core 20%..."เดิมทีแผนเราวางไว้ตั้งแต่ก่อนโควิดในปี 2563 - 2567 เป็นเป้าหมายระยะกลาง เราก็จะพยายามลดสัดส่วนคอร์บิซิเนสให้ลดลงมาให้ได้ ก็กะว่าคอร์บิซิเนสต้องเหลือ 43%  Non-Core จะขยับเป็น 47% และธุรกิจใหม่ 10%

ส่วนเป้าหมายระยะยาว ปี 2568 - 2578 ธุรกิจในกลุ่มบาฟส์ จะแบ่งเป็นธุรกิจคาร์บอน และ นัล-คาร์บอน เช่น ธุรกิจประกอบรถของ บาฟส์คลีน และธุรกิจใหม่ อย่างละ 50%

ชำแหละแผน 5 ปี \"BAFS\"

การปรับตัวขององค์กรในช่วงโควิด -19 บาฟส์มีมาตรการมากมาย โดยเฉพาะการเข้มงวดป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายเพื่อคงกระแสเงินสด มีการปรับลดค่าเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท ปรับลดเงินเดือนระดับผู้บริหาร 10-50% ปรับลดค่าใช้จ่าย ค่าสวัสดิการ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ยกเลิกหมด ซึ่งลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 25%

"หม่อมราชวงศ์ ศุภดิศ" พูดถึงอนาคตว่า ขณะนี้เป็นเรื่องยากที่จะคาดคะเนในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่ถ้าดูตามประมาณการณ์ของ IATA ซึ่งมองว่า ปี 2567 ธุรกิจการบินจึงจะฟื้นตัวและกลับมาดีกว่าปี 2562 บาฟส์ก็ต้องคำนวณสภาพคล่องเพื่อเตรียมพร้อมองค์กรสำหรับอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากแผนการปรับสัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจ การลดค่าใช้จ่าย ก็ยังมีเรื่องของการเพิ่มกระแสเงินสสด ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุมัติเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งวงเงินระยะสั้นและระยะยาว  รวมทั้งสิ้น 2,980 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้บาฟส์มีกระแสเงินสดเพียงพอ ที่จะทำให้ดำเนินการไปจนถึงสิ้นปี 2568 ได้อย่างปลอดภัย

ในฐานะผู้นำองค์กร "หม่อมราชวงศ์ ศุภดิศ" เน้นย้ำว่า การบริหารที่เน้นความเท่าเทียมและความจริงใจ รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมร่วมขององค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นสิ่งสำคัญ โดยตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ก่อตั้ง
ชำแหละแผน 5 ปี \"BAFS\"
ตั้งแต่นั่งทำหน้าที่ผู้นำองค์กร "หม่อมราชวงศ์ ศุภดิศ" บอกว่า ได้ใช้กิจกรรมเข้ามาละลายพฤติกรรมและสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน...ตัวเราเองก็พยายามลงไปเล่นกับเขาทุกวัน กิจกรรมทุกอย่างที่ทำให้เขาสนุกสนาน ได้แข่งขันกัน สร้างความเป็นทีม ก็ค่อยๆ ละลายพฤติกรรมไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งนำวัฒนธรรมความเป็นไทยที่เคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง ให้เกียรติกัน รวมถึงการสร้างความเท่าเทียม ไม่มีสิทธิพิเศษของผู้บริหารที่เหนือกว่าพนักงาน พยายามลดลำดับขั้นตอนการทำงานให้น้อยที่สุด เพื่อให้โครงสร้างมีประสิทธิภาพสูง นำไปสู่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีของบาฟส์ทั้งกลุ่ม

 

หน้า 24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 3,624 วันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563