นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกสองปี และเป็นหนึ่งในการประชุมนอกเหนือจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยมีผู้นำประเทศจาก เวียดนาม ลาว ไทย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ และผู้แทนจาก อินโดนีเซีย กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย
นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้กล่าวชื่นชมในการรับมือโควิด-19 ของอาเซียนที่ใช้ความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหา และออสเตรเลียจะเป็นหุ้นส่วนในการฟื้นฟูหลังโควิด-19 กับอาเซียน เพราะเป็นความมั่นคงร่วมกัน โดยทางออสเตรเลียได้ร่วมสนับสนุนกองทุนต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนความมั่นคงทางทะเล ความเชื่อมโยงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้ย้ำถึงความสมดุลและความเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า ไทยยินดีที่อาเซียนและออสเตรเลียรักษาพลวัตของปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตลอดระยะเวลา 46 ปี ความสัมพันธ์ของอาเซียน-ออสเตรเลีย เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพที่ครอบคลุมทุกมิติและเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สมบูรณ์ ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขวิกฤตและฟื้นฟูสังคมให้พัฒนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมโรคกับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ รวมทั้งคำนึงการพัฒนาวัคซีนที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และทุกคนสามารถเข้าถึงได้
นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการวางรากฐานสำหรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างยั่งยืน โดยนำเสนอ 2 สาขาความร่วมมือ ได้แก่
1. ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรและปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ผ่านข้อริเริ่มมาตรฐานการค้าดิจิทัลอาเซียน-ออสเตรเลีย รวมทั้งพัฒนาเมืองเพื่อรองรับยุคดิจิทัลผ่านเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน
2. ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่อาเซียนมีศักยภาพและมีต้นทุน อาทิ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ
ทั้งนี้ ไทยมีศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ตั้งขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2562 ซี่งใช้ในการส่งเสริมความร่วมมือผ่านการศึกษาและวิจัย โดยดำเนินโครงการที่เป็นรูปธรรมระหว่างสมาชิกและภาคีภายนอก รวมทั้งได้เสนอให้ออสเตรเลียพิจารณาสนับสนุนความร่วมมือด้าน BCG กับศูนย์อาเซียนฯ ต่อไป
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวยืนยันว่าอาเซียน-ออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ ออสเตรเลียยืนยันที่จะมีการติดต่อปฏิสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอกับอาเซียน และพร้อมเคียงข้างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจร่วมกับอาเซียน รวมถึงการขยายไปยังช่องทางใหม่ๆ ให้มากขึ้น ตลอดจน ย้ำที่จะร่วมกับอาเซียนในเรื่องวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ใช้วัคซีนตามมาตรฐานโลก โดยออสเตรเลียยินดีที่จะแบ่งปันในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือประชาคมโลก