16 พฤศจิกายน 2563 โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 (รอบที่ 1) หรือ “ประกันรายได้ข้าว” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 18,096 ล้านบาท ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เริ่มมีการจ่ายเงินส่วนต่างประกันราคาข้าวให้กับเกษตรกรมีคุณสมบัติถูกต้องทั้งสิ้น 871,869 ราย ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 เป็นวันแรก คิดเป็นเงิน 9,298 ล้านบาท และจะทยอยจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจนครบต่อไป
อย่างไรก็ตามยังคงมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ชาวนา หลายคนยังสงสัยว่า เงินส่วนต่างประกันราคาข้าวที่จะได้รับเป็นจำนวนเท่าใด ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบพบว่า การชดเชยส่วนต่างราคาประกันรายได้ข้าว ล่าสุด ณ วันที่ 16 พ.ย. 2563 มีดังนี้
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อธิบายว่า หลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ข้าว เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย
จากนั้นกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ข้างต้น ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการฯ
โครงการประกันรายข้าว 5 ชนิด ได้แก่
การดำเนินโครงการประกันรายได้ข้าว ได้กำหนดราคาอ้างอิงและระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 31 ต.ค. 2563 (ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. 2563 – 28 ก.พ. 2564) ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงครั้งแรกวันที่ 9 พ.ย. 2563 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ข้าวความชื้นข้าวเปลือกแต่ละชนิดไม่เกิน 15%
เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถตรวจสถานะเงินประกันรายได้ข้าวด้วยตัวเอง ดังนี้
ตรวจสอบสถานะเงินประกันรายได้ข้าวด้วยวิธีอื่น