หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา ประธานพิธีเปิดงานสังคมสุขใจ กล่าวว่า แนวคิด “เราปรับ โลกเปลี่ยน” ของงานสังคมสุขใจปีนี้ มีความสอดคล้องกับสถานการณ์และมีความสำคัญยิ่ง เพราะการปรับตัวต้องเริ่มจากตัวเรา โดยอาศัยแรงบันดาลใจ การเรียนรู้ การฝึกฝน ตลอดจนมีสังคมกัลยาณมิตรช่วยหนุนเสริม ซึ่งการจัดงานสังคมสุขใจ มีคนทั้งห่วงโซ่โดยเฉพาะเกษตรกรอินทรีย์ทั่วทุกภาค และปราชญ์ มาถ่ายทอดความรู้
นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สถานการณ์โควิด- 19 ทำให้เรื่องเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัย ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น จากการขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อเนื่องในจังหวัดนครปฐม ทำให้มีเกษตรกรอินทรีย์และศูนย์การเรียนรู้หลายแห่งโดยเฉพาะในเครือข่ายที่สามพรานโมเดลได้ทำมาต่อเนื่อง พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สามารถสร้างความยั่งยืน สุขภาพดีขึ้น พึ่งพาตนเองได้ มีภูมิคุ้มกัน
ด้านนายอรุษ นวราช เลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ กล่าวถึงไฮไลต์ของงานสังคมสุขใจว่า เป็นการรวมพลคนในห่วงโซ่สังคมอินทรีย์ที่ครบถ้วนมากที่สุด โดยมีการรวบรวมเกษตรกรอินทรีย์ในเครือข่ายสามพรานโมเดล และจากเครือข่ายในระบบการรับรองอย่างมีส่วนร่วม (PGS) ครอบคลุมทุกภาคของประเทศกว่า 300 ราย ที่พร้อมแชร์องค์ความรู้กระบวนการทำเกษตรอินทรีย์ ที่มีการรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็ง ลดต้นทุน พึ่งพาตนเองได้ รวมถึงได้เจอผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ตลอดจนปราชญ์เกษตรอินทรีย์ที่มีชื่อเสียง เช่น คุณโจน จันไดและผู้นำการขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ เช่น วิฑูรย์ เรืองเลิศปัญญากุล, นคร ลิมปคุปตถาวร, นภ พรชำนิ ศิลปิน LIFEiS ขณะที่ในด้านความรู้ มีฐานการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ เพื่อการพึ่งพาตนเองสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ทุกคนสามารถเข้าไปทดลองทำพร้อมนำไอเดียไปใช้งานได้จริง
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย (TOCA: Thai Organic Consumer Association) เพื่อเชื่อมโยงผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ร่วมขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ พร้อมเปิดรับสมัครสมาชิก และมีการเปิดตัวทริปเที่ยววิถีอินทรีย์ถึง 20 โปรแกรม ให้ไปสัมผัสเสน่ห์ฟาร์มจริง รวมถึงมีการเปิดตัวธุรกิจต้นแบบเกื้อกูลสังคม ที่แม้ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับอาหาร แต่เมื่อนำสามพรานโมเดล (โมเดลธุรกิจเกื้อกูลสังคม) ไปขยายผลกับพนักงานและชุมชน ก็เกิดเป็นนวัตกรรมความร่วมมือสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในส่วนของผลผลิตสินค้าอินทรีย์
ปีนี้นับว่ามีความโดดเด่น คือ มีทั้งพืชผักตามฤดูกาล ผักใบเขียวสดใหม่จากสวน อาหารพื้นบ้านจากภาคต่างๆ รวมถึงพืชผักเมืองหนาว อาหารพื้นถิ่น เช่น รากชู คะน้าดอย กุ้งโก่ง อีกทั้งยังมีสินค้าแปรรูป ไลฟ์สไตล์อินทรีย์มากมาย เช่นผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติจากสระแก้ว และอีกมากมาย
ทีมปฐม และสวนสามพราน ยังจัดกิจกรรมให้สนุกสนานอย่างเต็มที่ เปิดโซนเกษตรอินทรีย์ ให้ทดลองทำจริงทั้ง ดำนา สีข้าว ฝัดข้าวเวิร์คช็อปลูกต้นกล้า ในเปลือกไข่หรือปลูกในกระถาง สาธิตการสีข้าวที่โรงสีข้าว ทุกวัน เวลา 15.00 น. ส่วนเกษตรกรที่สนใจการทำเกษตร เฉพาะวันเสาร์มีคลินิกเกษตร 2 รอบ คือ เวลา10.00 น.และ14.00 น.ที่บริเวณศาลาปัจจัยการผลิต ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำปรึกษา
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ(สสส.) กล่าวว่า การกินอาหารที่ปลอดภัยนั้น จะเชื่อมโยงไปถึงระบบสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการที่งานสังคมสุขใจ เน้นสร้างคุณค่าวิถีอินทรีย์ ให้ทุกคนพึ่งพาตัวเองแบบองค์รวม จะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs สิ่งสำคัญทุกคนต้องมีองค์ความรู้เรื่องอาหารเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย สสส. ยินดีอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมพื้นที่สังคมอินทรีย์ สร้างผู้บริโภคที่เข้มแข็ง ขยายการผลิตอาหารสู่ไลฟ์สไตล์วิถีอินทรีย์ จุดประกายให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยเข้ามามีส่วนร่วมเข้าใจ และนำสามพรานโมเดลไปปรับใช้
งานสังคมสุขใจครั้งที่ 7 “เราปรับ...โลกเปลี่ยน” เป็นความร่วมมือของทั้งสามพรานโมเดล สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชีวจิต บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล โรงพยาบาลมหาชัย 2 แบรนด์ปฐม เครือข่ายYoung Happy สมาพันธ์เกษตรอินทรีย์ไทย พีจีเอส เครือข่ายมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย ( TOCA) เกษตรกรอินทรีย์ และภาคี ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคมนี้ ที่สวนสามพราน จ.นครปฐม ตั้งแต่ เวลา 09.00-17.00 น.