เตือนภาคใต้ฝนยังชุก ระวังภัย “ไข้ฉี่หนู”

24 ธ.ค. 2563 | 22:32 น.

กรมควบคุมโรคห่วงสุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ยังมีฝนตก ให้ระมัดระวังเจ็บป่วยด้วย "โรคไข้ฉี่หนู" แนะหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ห่วง สุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ยังมีฝนตก และบางพื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง ให้ระมัดระวังป่วยด้วย โรคไข้ฉี่หนู เผยปีนี้ผู้ป่วยกว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมแนะหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกสะอาดที่หาได้ในพื้นที่ทุกครั้ง ผู้ปกครองควรแนะนำบุตรหลานให้งดลงเล่นน้ำที่ยังท่วมขังซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

 

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยวานนี้ (24 ธ.ค.) ว่า จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าช่วงนี้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ของภาคใต้ อาจทำให้พื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ดังนั้น โรคที่ประชาชนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ โรคเลปโตสไปโรสิส หรือ โรคไข้ฉี่หนู โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมที่ต้องแช่น้ำหรือลุยน้ำเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้ฉี่หนูได้ง่าย เชื้อโรคชนิดนี้จะเข้าทางบาดแผล รอยถลอก รวมถึงผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน และการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ

 

สถานการณ์โรคไข้ฉี่หนูตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 ธันวาคม 2563 พบผู้ป่วย 1,537 ราย เสียชีวิต 20 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 837 ราย (คิดเป็นร้อยละ 54.4) กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ อายุ 45-54 ปี รองลงมา อายุ 35-44 ปี และ อายุ 25-34 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรกร รับจ้าง และนักเรียน ซึ่งมีประวัติเสี่ยง ได้แก่ ทำงานแช่น้ำหรือลุยน้ำเป็นเวลานาน หาปลา รวมทั้งการลงว่ายน้ำที่ยังท่วมขังซึ่งพบมากในกลุ่มนักเรียน

 

สำหรับจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ระยอง พังงา ยะลา พัทลุง และสงขลา ตามลำดับ

 

เตือนภาคใต้ฝนยังชุก ระวังภัย “ไข้ฉี่หนู”

ทำความรู้จักอาการของโรคไข้ฉี่หนู

อาการของ โรคไข้ฉี่หนู เริ่มจากมีไข้สูงทันที ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว จะปวดมาก โดยเฉพาะที่โคนขาและน่อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง เป็นต้น

 

หากมีอาการที่กล่าวมา ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าซื้อยามากินเอง เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ที่สำคัญขอให้แจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย แพทย์จะดำเนินการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคตามอาการ และความรุนแรงของโรค ยิ่งพบแพทย์เร็วยิ่งมีโอกาสหายเร็ว โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เสียชีวิตเกิดจากพบแพทย์ช้าเกินไป จึงต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันทีที่มีอาการ

 

นายแพทย์โอภาส กล่าวแนะนำว่า วิธีปฏิบัติเพื่อป้องกัน โรคไข้ฉี่หนู มีดังนี้

1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกสะอาดที่หาได้ในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ

2.หมั่นล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ

3.หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

 

ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมควบคุมโรค แนะเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 ใกล้ชิด

สธ.ชี้โควิด-19 จากท่าขี้เหล็ก สามารถควบคุมได้ ผู้ป่วย 46 รายเท่าเดิม

ตรวจซ้ำรอบสาม สธ.ยืนยันผล 40รายยะลา ไม่ติดเชื้อโควิด