กรมสุขภาพจิต-ศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 “เต็มสูบ-สมุทรสาคร” เร่งวาง 6 มาตรการดูแลจิตใจผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ทั้งไทย-ต่างด้าว ระดมทีมประเมิน-เยียวยา อาสาสมัคร อสม. อสต. เตรียมความพร้อมรับมือ หวั่นปะทุเป็นความขัดแย้งชุมชน เอ็นจีโอ.แรงงานชี้แค่น้อยใจ เชื่อไม่ถึงขั้นรุนแรง แต่ต้องติดตามและจัดระบบดูแลช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
นางสาวรัชวัลย์ บุญโฉม ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 ราชบุรี เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทางศูนย์ฯ ทำหน้าที่ดูแลการทำงานด้านสุขภาพจิตในพื้นที่ 8 จังหวัดรวมถึงดูแลจังหวัดสมุทรสาครโดยตรง และได้ให้ความสำคัญกับปัญหาวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องปัญหาสุขภาพจิตของทั้งคนไทยและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ที่มีความกังวลกันว่า อาจมีเรื่องการกระทบกระทั่ง ความขัดแย้ง ความไม่พอใจ ความกังวล ความหวาดระแวงหวาดกลัว การกล่าวโทษ เหยียดหยาม กีดกัน ด่าว่า ขับไล่ เลยไปถึงการเกิดความรุนแรงขึ้น ตามที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตและสอบถามมานั้น
ทางกรมสุขภาพจิต โดยศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 มีแนวทางในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นเอาไว้แล้ว โดยเริ่มดำเนินการประเมิน มีทีมประเมินเข้าทำแบบประเมินเพื่อดูความเครียด และสภาพจิตใจของคนทั้ง 2 กลุ่มที่อาศัยอยู่ร่วมกัน หากคนเข้มแข็งทางจิตใจ ก็จะลดปัญหาเรื่องต่าง ๆ ในใจได้
ส่วนเรื่องความขัดแย้งนั้นจะเกิดจากความไม่พอใจและความโกรธ หากมีขึ้นก็จะต้องมีกระบวนการเจรจาให้เข้าใจกัน โดยจะมีทีมเยียวยาจิตใจ หรือ MCATT เข้ามารับมือเพื่อลดความขัดแย้ง ซึ่งจะมีทีมเจรจาต่อรองและมีทีมสุขภาพจิตเป็นคนกลาง เจรจาร่วมกับตัวแทนแต่ละฝ่าย คือแกนนำของคนต่างด้าวที่อยู่ในชุมชนนั้น ๆ กับตัวแทนฝ่ายคนไทย ซึ่งมีทั้งแกนนำคนไทย-เจ้าหน้าที่ราชการ-อสม. เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของแต่ละคน และเพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
นางสาวรัชวัลย์ กล่าวต่อว่า แผนดำเนินงานดูแลจิตใจของประชาชน ในเขตสุขภาพจิตที่ 5 ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นขณะนี้ คือ
1.มีทีมประเมินสุขภาพจิต ประเมินแบบ active screening ด้วยโปรแกรม mental health check in โดยใช้วิธีสแกน QR-code หรือ link เข้าประเมินสุขภาพจิต แบบทราบผลทันที่ หากผู้ที่พบว่าตัวเองมีความเสี่ยง ก็ให้กรอกเบอร์โทรฯ มือถือทิ้งไว้ จากนั้นจะมีทีมสุขภาพจิต โทรฯเข้าไปดูแลจิตใจ (active couselling)
2.ดูแลจิตใจ active couselling ในประชาชนทั่วไป และบุคลากรสาธารณสุข ทางโทรศัพท์
3.จัดรถโมบายคลายเครียดออกให้บริการโดยนักจิตวิทยา ดูแลในพื้นที่ 8 จังหวัด เป็นเวลา 2 เดือน โดยเน้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เป็นลำดับแรก
4.สื่อสารความรู้สุขภาพจิตในรูปแบบต่าง ๆ หลากหลายช่องทาง
5.สร้างวัคซีนชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้ชุมชนมี 4 สร้าง และ 2 ใช้ คือ สร้างความปลอดภัย - ความสงบ - ความหวัง - ลดการตีตรา กับ 2 ใช้ - ใช้สัมพันธภาพของชุมชน -ใช้ศักยภาพของชุมชน
6.บริการรักษา ส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิต โดยทีมจิตแพทย์ และพยาบาล นักจิตวิทยา คอยให้บริการที่โรงพยาบาลสนามในสมุทรสาคร ทั้งรักษาผู้ป่วยจิตเวชที่ติดเชื้อ และให้บริการปรึกษาทางออนไลน์ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง-ประชาชนทั่วไป
“ในส่วนของคนไทยได้มีการดูแลผู้ติดเชื้อ-ญาติ-คนใกล้ชิด และผู้ถูกกักตัว โดยทีมเยียวยาจิตใจ หรือ MCATT สำหรับคนต่างด้าวจะมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครชาวต่างด้าว (อสต.) ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล นำแบบประเมินไปทำการประเมิน ร่วมกับแรงงานพม่าที่เป็นจิตอาสาประมาณ 100-200 คน ซึ่งอยู่ในตลาดกลางกุ้งฯ จัดให้มีกิจกรรมเพื่อคลายความเครียดสำหรับผู้ที่ถูกกักตัวและครอบครัว รวมถึงเด็ก ๆ อีกประมาณ 200 คน ทั้งส่งเจ้าหน้าที่ของศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 ไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสนามในตลาดกลางกุ้งฯ ด้วย”
“นอกจากนั้นทางกรมสุขภาพจิตยังได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมเป็นล่าม สำหรับการให้คำปรึกษาทางออนไลน์-ทางโทรศัพท์ และทำการประเมินทางออนไลน์ เพื่อสร้างวัคซีนชุมชนในกลุ่มชุมชนชาวพม่า” นางสาวรัชวัลย์ กล่าว
ด้านนายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ได้เปิดเผยว่า ความขัดแย้งในกลุ่มคนไทยและคนต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาครยังไม่น่าเป็นห่วง เท่าที่ได้รับรายงานมีเพียงความน้อยใจในกลุ่มแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่ กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำเชื้อฯมาเผยแพร่ ซึ่งที่จริงควรมีการพิสูจน์ทางระบาดวิทยาให้ชัดเจนว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีการติดเชื้อจากลูกจ้างสู่นายจ้าง หรือจากนายจ้างสู่ลูกจ้าง ทั้งพื้นที่เสี่ยง 7 จุดของสมุทรสาครและกลุ่มเสี่ยงทั่วไป เมื่อตรวจคัดกรองแล้วก็พบผู้ติดเชื้อไม่มาก
“สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ถูกกักตัวอยู่ในตลาดกลางกุ้งฯ นั้น พวกที่ร่างกายแข็งแรงก็อาจจะให้ธรรมชาติเยียวยาหรือหายได้เอง ส่วนพวกที่เจ็บป่วยก็ต้องให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และช่วยลดปัญหาด้านจิตใจ ทั้งจะต้องประเมินผลกระทบที่มีต่อชุมชนรอบข้างกันอีกครั้ง ในส่วนคนต่างด้าวที่ไม่มีอาการและอยู่นอกพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง ก็ต้องมาพิจารณาว่าจะสร้างระบบดูแลกันอย่างไร ตั้งแต่การให้รอผลย้อนกลับจากการตรวจ และการให้กักตัวเอง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ลดการเดินทาง” นายสมพงค์ กล่าว