รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ณ วันที่ 4 มกราคม 2564 โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
หากประเมินมาตรการในกลุ่มจังหวัดควบคุมสูงสุด หรือสีแดง ซึ่งมีการระบาดหนัก รวมถึงจังหวัดที่ไม่หนักแต่ติดกับจังหวัดที่หนักและรวมเป็นกลุ่มสีแดง คาดว่าประสิทธิภาพของมาตรการจะน้อยกว่าการล็อกดาวน์อย่างแน่นอน แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ดังที่ทราบกัน คงต้องเอาใจช่วย และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
พิจารณาตามเนื้อผ้าแล้ว ด้วยการไม่ได้จำกัดการเดินทางระหว่างกันอย่างเด็ดขาด และการยังมีกิจการและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้ออยู่อีกพอสมควรในทุกโซนสี โอกาสที่จะยุติการระบาดคงยาก และหากมีการระบาดทวีคูณหลังกลางมกราคม ศึกนี้คงยาวนานกว่าที่คาดการณ์ และส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของการทำศึกครั้งนี้
เวลาในการลองยุทธวิธียืดหยุ่นคงมีอีกไม่นานนัก ถึงเวลาที่วิกฤติที่สุดก็คงต้องตัดสินใจว่า เราจะไปตามแนวนิวซีแลนด์ หรือไปทางญี่ปุ่น
อนึ่ง อยากให้เราทุกคนตระหนักถึงความจริงที่ว่า ไม่ว่ารัฐ ศบค. หรือหน่วยงานระดับจังหวัด จะออกกฎระเบียบออกมาเข้มหรือไม่เข้มก็ตาม โดยแท้จริงแล้วจะควบคุมโรคในพื้นที่ถิ่นฐานบ้านเกิดของเราได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ"ตัวเราเอง"เช่นกัน
แม้รัฐหรือจังหวัดไม่ยอมเข้ม แต่ถ้าเราเข้มด้วยตัวเอง...อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อบ้านเกิด...และทำกันอย่างพร้อมเพรียง โดยไม่จำเป็นต้องมารอฟังคำสั่งการหรือไม่ต้องรอมาตกลงกัน การแพร่ระบาดของโรคมันก็จะไปต่อไม่ได้
สำหรับศึกระบาดซ้ำแบบนี้ ธรรมชาติของมันจะมาเร็ว กระจายเร็ว คุมได้ยาก หาต้นตอลำบาก และใช้เวลานานในการต่อสู้ รัฐและหน่วยงานปฏิบัติการระดับพื้นที่ไม่สามารถจัดการเองได้แต่เพียงฝ่ายเดียวครับ
เน้นย้ำว่า จากวันนี้ไปถึงกลางมกราคมถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะทำนายชะตาการระบาดของเรา หากคุมได้ดีก็จบเร็ว หากไม่ดีก็ยาวนาน
ไม่ว่าท่านจะอยู่ในจังหวัดสีแดง สีส้ม หรือสีเหลือง มีโอกาสที่การระบาดจะปะทุขึ้นมาได้เสมอ ...สิ่งที่จะช่วยกันทำได้คนละไม้คนละมือ คือ
หนึ่ง..."อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อตัวเราเองและครอบครัว" จะช่วยรักษาถิ่นฐานบ้านเกิดของเราไม่ให้ระบาดได้
สอง..."ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น" ก่อนออกจากบ้าน ต้องใส่หน้ากากเสมอ และใช้เวลานอกบ้านให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะไปไหน ไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ตอนออกตะลอนก็อย่าพบปะพูดคุยเยอะ ขอให้ไป"แบบมุ่งเป้า" และจดทุกอย่างไว้ให้ละเอียด เผื่อใช้เป็นไทม์ไลน์ได้
สาม..."ไม่ควรกินอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหาร" เพราะข้อมูลวิชาการแพทย์ชัดเจนว่ามีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อหรือติดเชื้อได้ในสถานการณ์ระบาดลักษณะนี้ ซื้อกลับไปกินที่บ้านจะดีที่สุด ต่อให้จังหวัดเราจะออกกฎแบบเขินๆ ให้นั่งได้กลางวัน ให้ซื้อกลับกลางคืน แต่เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ไม่ใช่ผีกระสือที่ออกหากินเฉพาะตอนกลางคืนครับ
นอกจากนี้ตอนซื้อกลับไปนั้น กรุณาพ่นสเปร์ยแอลกอฮอล์ตรงหีบห่อหรือถุงที่ใส่มา และล้างมือก่อนรับประทานด้วย
สี่..."ระวังอย่างยิ่งกับกิจกรรมในที่สาธารณะที่อาจมีการแพร่เชื้อวงกว้างเหมือนต่างประเทศ" เช่น ตลาด ห้าง วัด โรงแรม โรงเรียน ปาร์ตี้ส่วนตัวหรือไม่ส่วนตัว งานแต่งงาน งานศพ งานวัด/งานบวช/งานบุญ ร้านอาหาร/โรงอาหาร โรงพยาบาล รวมถึงขนส่งสาธารณะทั้งเครื่องบิน เรือ รถโดยสาร แท็กซี่ รถตู้ ฯลฯ
ห้า..."ระวังให้ดีกับการแพร่เชื้อกันในครอบครัว" เพราะนี่คือหนึ่งในรูปแบบการระบาดของประเทศอื่นๆ ที่ระบาดซ้ำรุนแรงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย หรือญาติสนิท ทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นคนนำเชื้อมาแพร่ได้เสมอ หากใครไปพื้นที่เสี่ยง ทำงานเสี่ยง หรือมีอาการไม่สบาย โปรดแยกตัวเองออกมาจากสมาชิกในครอบครัว และไปตรวจให้เแน่ใจเสียก่อน อัตราการติดเชื้อในครอบครัวที่พบกันทั่วโลกมีตั้งแต่ 16% ไปจนถึงเกือบ 50% ครับ
เดิมพันของศึกระบาดซ้ำครั้งนี้ หากต้องวางเดิมพัน ระหว่างรัฐ ประชาชน และระบบสาธารณสุข ผมประเมินแล้วโอกาสชนะมีเพียงการเดิมพันที่ประชาชนเท่านั้น
แต่อาจชนะแบบทุลักทุเล จะมีทั้งคนที่ใส่ใจป้องกันตนเองและคนที่ไม่ใส่ใจด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป หวังว่าจะมีคนใส่ใจป้องกันตนเองในสัดส่วนที่มากพอครับ ระยะการต่อสู้คงไปถึงอย่างน้อยมีนาคม
ขอให้วางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า ก็จะดี แต่หากจบได้เร็วกว่านั้น ก็ถือว่าเป็นโบนัสของเรา