นายกฯ เผย วัคซีน “แอสตร้าเซนเนก้า” อย.จะรับรองภายในสัปดาห์นี้

19 ม.ค. 2564 | 07:15 น.

ข่าวดี นายกฯ เผย อย.จะรับรองวัคซีน “แอสตร้าเซนเนก้า” ในสัปดาห์นี้ ย้ำ รัฐบาลเล็งหาแหล่งอื่นเพิ่มเติม ย้ำ ไม่มีการปิดกั้น-ไม่มีการผูกขาดแต่ต้องดูแลใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการแพร่ระบาด

19 มกราคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เยี่ยมชมการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เมื่อช่วงเช้าวันนี้โดยผลงานวิจัยที่ได้การสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปีงบประมาณ 2564 ได้แก่ ระบบติดตามลักษณะทางพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เพื่อติดตามการระบาดและนำข้อมูลไปใช้เชิงลึกและใช้ในการพัฒนาคิดค้นวัคซีน ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการประเมินการใส่หน้ากากอนามัย (AI MASK) เครื่องฆ่าเชื้อโควิด-19 โดยละอองนาโน และตู้อบฆ่าเชื้อไวรัสระบบไฮบริด

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วัคซีนจาก “แอสตร้า เซนเนก้า” ได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) แล้ว และทุกวัคซีนสามารถขึ้นทะเบียนรับรองได้โดยไม่ปิดกั้นแต่มาตรฐานของไทย คือ จะต้องผ่านการรับรองมาตั้งแต่ต้นทางก่อน ส่วนการฉีดต้องจัดลำดับตามความสำคัญโดยระหว่างนี้ให้ศึกษาข้อมูลการฉีดวัคซีนของต่างประเทศเพื่อเตรียมมาตรการป้องกัน และในอนาคตอาจจะพิจารณาวัคซีนจากบริษัทอื่นที่มีคุณภาพ และราคาถูกลงมาให้บริการประชาชน

 

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการผูกขาด วัคซีนเป็นสินค้าควบคุมดูแลในระยะแรก และใช้เมื่ออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการแพร่ระบาด ซึ่งรัฐบาลต้องควบคุม ไม่ใช่ใครจะนำเข้ามาก็ได้

สำหรับเรื่องของวัคซีน อย.เขาอนุญาตภายในอาทิตย์นี้ เพราะแอสก้าซินิก้า เขาขอเข้ามา แล้วเราก็มีความพร้อม ของบริษัท สยามไบโอไซด์ ซึ่งบริษัทอื่นยังไม่พร้อม ทุกวัคซีนขอขึ้นได้เราไม่ปิดกั้น นายกรัฐมนตรี ระบุ

 

ส่วนเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากประเทศอังกฤษว่า ต้องระมัดระวัง ซึ่งประเทศไทยถือว่าสามารถควบคุมได้ตั้งแต่ต้นทาง และตรวจสอบคัดกรองได้ดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือพื้นฐานของเชื้อใกล้เคียงกัน แต่สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดเร็วขึ้น แต่ความรุนแรงของโรคยังเท่าเดิม ดังนั้นวัคซีนที่จะใช้ต้องมีความปลอดภัย

 

นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า พร้อมสนับสนุนให้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ขณะที่เครื่องฆ่าเชื้อโควิด-19 โดยละอองนาโน ให้ไปศึกษาเพื่อผลิตเป็นสินค้าทางการค้าและดูว่าสถานที่ใดมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งาน

จากนั้นนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร ได้ประชาสัมพันธ์โครงการ “ฮาวทูแยก – แยกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทิ้งขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษชำระ เสื้อกาวน์จากเม็ดพลาสติก ชุดอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ (PPE) และถุงมืออย่างถูกต้อง โดยจะมีระบบนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ซึ่งโครงการนี้จะนำร่องใน 3 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยง คือ จ.สมุทรสาคร ชลบุรี และระยอง

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การกำจัดขยะต้องมีการบริหารจัดการให้ดี ซึ่งรัฐบาลมีแผนการตั้งโรงงานขยะ แต่ยังมีปัญหาในบางพื้นที่ ที่ประชาชนไม่ยินยอม โดยต้องขอความร่วมมือจากประชาชน เพราะหากไม่มีโรงงานขยะกระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ก็จะมีปัญหาเรื่องการขนส่งข้ามจังหวัดซึ่งจะเป็นอันตรายได้ ดังนั้น อยากให้มีโรงงานขยะในทุกจังหวัดหรือทุกภาค เพื่อลดระยะเวลาการขนส่ง ซึ่งท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน พร้อมกับกล่าวว่า “ทุกวันนี้ ขยะพิษจากโควิด-19 เยอะอยู่แล้ว ขออย่าสร้างขยะสังคมขึ้นอีก”

 

สำหรับการผ่อนปรนมาตรการและผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมต่างๆว่า ภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้จะมีการผ่อนปรนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวสั้นๆว่า ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันในการฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้ และทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้มีการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อรายวันอยู่แล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดี“นครปฐม” ไม่พบติดโควิดเพิ่ม เหลือรักษาอยู่ 1 ราย

โควิด-19 ระลอกใหม่ฉุดยอดใช้น้ำมันปี 64 ติดลบ 1.9-2.9%

"ศิริราช"ชี้แจงผู้ติดเชื้อโควิด-19  ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์

มาเลย์ชงเข้ม แผนกระตุ้นเศรษฐกิจสู้โควิด 3.7 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า  1.1 แสนล้านบาท

เปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 171 ราย