ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศและคำสั่ง 2 ฉบับ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 64 ซึ่งเป็นมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และแบ่งโซนพื้นที่สีควบคุม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามที่ประชุมศบค.ชุดใหม่มีมติในวันนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยจะเริ่มมีผลบตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564 เป็นต้นไป
ซึ่งประกาศและคำสั่งทั้งสองฉบับจะระบุมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ชัดเจนในการเปิด-ปิดสถานที่ ข้อห้าม รวมทั้งการเดินทางข้ามจังหวัด โดยมีรายละเอียดดังนี้
ฉบับแรก คือ “ข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘(ฉบับที่ ๑๘)” ลงนาม โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ระบุตอนหนึ่งว่า
ฝ่ายสาธารณสุขได้รายงานผลการปฏิบัติงานและประเมินสถานการณ์ปัจจุบันว่าการดําเนินการ ตามมาตรการดังกล่าวสามารถจํากัดและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้อยู่ในขอบเขตได้เป็นที่น่าพอใจ ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัคร ตลอดจนความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกภาคส่วนตลอดช่วง ระยะเวลาที่ผ่านมา
ดังนั้น เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดําเนินมาตรการด้านสาธารณสุขโดยมุ่งถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสําคัญ จึงสมควรผ่อนคลายการกําหนดเขตพื้นที่สถานการณ์และการบังคับใช้บางมาตรการตามลําดับขั้นตอน และตามสภาพของพื้นที่สถานการณ์ที่สอดคล้องกับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ เพื่อให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมที่มีความเหมาะสมและความพร้อมสามารถเปิดดําเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การกําหนดพื้นที่สถานการณ์ โดยกําหนดเป็นระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการ บังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ดังนี้
(๑) พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้พื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่จําเป็นต้องบังคับใช้มาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง เพื่อให้การสกัดและยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปโดยรวดเร็วและเด็ดขาด
(๒) พื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ เป็นพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
(๓) พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย พิจารณาประเมินสถานการณ์และจัดกลุ่มจังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ โดยจําแนกออกเป็นระดับ ตามแนวทางและเงื่อนไขการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์ที่ ศบค. กําหนด และเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศต่อไป
ข้อ ๒ การใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ให้โรงเรียน และสถาบันการศึกษาทุกประเภท ยกเว้นที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถ ใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทํากิจกรรมใด ๆ ได้ตามความเหมาะสมและความพร้อม โดยรูปแบบของการดําเนินการให้เป็นไปตามแนวทาง การจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ คําแนะนําของทางราชการ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด ภายใต้การกํากับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
ข้อ ๓ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จําเป็นสําหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(๑) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด อาศัยอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อพิจารณาสั่งปิดสถานที่ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวดไว้เป็นการชั่วคราว หรือสั่งห้ามการทํากิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคตามความจําเป็น แห่งสถานการณ์ อย่างน้อยได้แก่สถานที่ดังต่อไปนี้ สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะ คล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ํา สถานประกอบกิจการอาบอบนวด สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถานประกอบการนวดแผนไทย ตู้เกม ร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ต สนามมวย สถานที่ออกกําลังกายในร่ม ยิม ฟิตเนส สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นเด็ก สวนสนุก สถานีขนส่งสาธารณะ
(๒) ห้ามการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมาก และมีโอกาสแพร่ระบาดของโรคได้ง่าย เช่น การประชุม การสัมมนา การจัดเลี้ยง เว้นแต่เป็นกิจกรรม ที่มีลักษณะตามข้อยกเว้นตามที่กําหนดในข้อ ๒ ของข้อกําหนด (ฉบับที่ ๑๖) ลงวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔
(๓) ให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม ดังต่อไปนี้สามารถเปิดดําเนินการได้ ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา และการจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด อย่างเคร่งครัด
ก. การจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดําเนินการและสามารถบริโภคในร้าน ได้ตามปกติ โดยจัดระเบียบการเข้าใช้บริการ จํากัดจํานวนผู้นั่งบริโภคในร้าน และการจัดสถานที่ ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนดอย่างเคร่งครัด และให้เปิดดําเนินการไม่เกิน ๒๑.๐๐ นาฬิกา โดยห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
ข. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือ สถานที่จัดนิทรรศการ ให้เปิดดําเนินการได้ตามปกติแต่ไม่เกิน ๒๑.๐๐ นาฬิกา สําหรับร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่งชุมชน หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดดําเนินการตามกําหนดเวลาทําการปกติของสถานที่นั้น ๆ
ค. ตลาด ตลาดนัด ตลาดน้ํา ตลาดค้าส่ง ให้เปิดดําเนินการได้ โดยจํากัดจํานวนบุคคล ที่อยู่ในพื้นที่และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนด
ง. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน สถานที่พักผู้สูงวัยเฉพาะการเข้าพักอาศัย เป็นประจํา หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดดําเนินการเพื่อการให้ความช่วยเหลือ ตามภารกิจได้
จ. โรงงาน สถานประกอบการ ให้เปิดดําเนินการได้ตามปกติ ซึ่งเจ้าของ ผู้จัดการ หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในสถานที่นั้น ๆ ต้องจัดให้ผู้ปฏิบัติงานดําเนินการตามมาตรการป้องกันโรค ที่กําหนด
ข้อ ๔ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จําเป็นสําหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด
(๑) ให้ดําเนินการตามมาตรการที่กําหนดไว้ในข้อกําหนด (ฉบับที่ ๑๖) ลงวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในกรณีการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค การปิดสถานที่ เสี่ยงต่อการแพร่โรค การตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด และการขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ภาคเอกชนพิจารณาปรับรูปแบบการปฏิบัติงาน
(๒) ให้เงื่อนไขการเปิดดําเนินการที่กําหนดไว้สําหรับสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตามข้อ ๔ ของข้อกําหนด (ฉบับที่ ๑๖) ลงวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ยังคงใช้บังคับต่อไป เว้นแต่กรณีของการจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ให้เปิดดําเนินการได้และสามารถ บริโภคในร้านได้ตามปกติ โดยดําเนินมาตรการจัดระเบียบการเข้าใช้บริการ จํากัดจํานวนผู้นั่งบริโภคในร้าน และการจัดสถานที่ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด แต่ภายหลังเวลา ๒๓.00 นาฬิกา ต้องเป็นลักษณะของการให้บริการโดยนํากลับไปบริโภคที่อื่น
(๓) ให้สนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกําลังกาย การเล่นกีฬา การฝึกซ้อม การแข่งขัน หรือเพื่อการเรียนการสอนในทุกประเภทกีฬา สามารถเปิดดําเนินการได้ตามปกติ โดยการจัดการแข่งขัน กีฬาให้เป็นลักษณะของการถ่ายทอดการแข่งขันโดยไม่มีผู้ชมอยู่ในสนามแข่งขัน ซึ่งผู้จัดการแข่งขัน ต้องดําเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่ทางราชการกําหนดด้วย
ข้อ ๕ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จําเป็นสําหรับพื้นที่ควบคุม ให้การเปิด ดําเนินการของสถานที่ กิจการ และกิจกรรมในเขตพื้นที่ควบคุม ดังต่อไปนี้ ต้องดําเนินการภายใต้ เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ และตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด
(๑) สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สามารถเปิดดําเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ แต่ไม่เกิน ๒๓.๐๐ นาฬิกา
(๒) การจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดดําเนินการได้ตามปกติ แต่ไม่เกิน ๒๓.๐๐ นาฬิกา
(๓) การจําหน่ายสุรา สําหรับร้านอาหารหรือสถานที่ซึ่งจําหน่ายสุรา สามารถเปิดบริการ โดยให้มีการบริโภคในร้านได้ไม่เกิน ๒๓.๐๐ นาฬิกา
ข้อ ๖ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จําเป็นสําหรับพื้นที่เฝ้าระวังสูง ให้การเปิดดําเนินการ ของสถานที่ กิจการ และกิจกรรมในเขตพื้นที่เฝ้าระวังสูง ดังต่อไปนี้ ต้องดําเนินการภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ และตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด
(๑) สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สามารถเปิดดําเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ แต่ไม่เกิน ๒๔.๐๐ นาฬิกา
(๒) การจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดดําเนินการได้ตามปกติ แต่ไม่เกิน ๒๔.๐๐ นาฬิกา
(๓) การจําหน่ายสุรา สําหรับร้านอาหารหรือสถานที่ซึ่งจําหน่ายสุรา สามารถเปิดบริการ โดยให้มีการบริโภคในร้านได้ไม่เกิน ๒๔.๐๐ นาฬิกา
ข้อ ๗ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่จําเป็นสําหรับพื้นที่เฝ้าระวัง ให้การเปิดดําเนินการ ของสถานที่ กิจการ และกิจกรรมในเขตพื้นที่เฝ้าระวัง สามารถเปิดดําเนินการและให้บริการได้ เมื่อมีความพร้อมโดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เงื่อนไขการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ คําแนะนําของทางราชการ รวมทั้งกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๘ การเข้มงวดกับสถานที่หรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคแบบกลุ่มก้อน เพื่อให้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการสามารถยับยั้งการระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้มงวดในการเข้าตรวจสอบ สนามชนโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามฝึกซ้อม หรือแข่งขัน หรือการจัดกิจกรรมอื่นในลักษณะทํานองเดียวกัน ซึ่งทางราชการยังไม่อนุญาต ให้ดําเนินการในช่วงเวลานี้
ข้อ ๙ มาตรการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดของจังหวัดต้นทางและจังหวัดปลายทาง แล้วแต่กรณี สามารถพิจารณาอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเดินทางเพื่อการทํางานข้ามจังหวัดได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การบังคับใช้ มาตรการควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเพื่อการทํางานข้ามเขตจังหวัด ในแต่ละเขตพื้นที่เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ข้อ ๑๐ มาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การบริหารจัดการ และการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการในแต่ละเขตพื้นที่จังหวัดเป็นไปอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่อาจมีความแตกต่างกันในเขตพื้นที่จังหวัด ให้ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้วแต่กรณี สามารถเสนอต่อ ศปก. ศบค. ตรวจสอบ กลั่นกรอง และเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อย ในระดับเขตอําเภอที่อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตนได้ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การระบาดของโรคโควิด - 19 ในห้วงเวลาต่าง ๆ
ข้อ ๑๑ การดําเนินการตามมาตรการป้องกันโรคและการจัดระเบียบ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ มีอํานาจเข้าตรวจสอบการใช้อาคารสถานที่ และการดําเนินการของเจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่ ให้เป็นไปตามแนวทางมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ มาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการจัดระเบียบ และระบบต่าง ๆ ที่ทางราชการกําหนด
หากพบการกระทําที่อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พนักงานเจ้าหน้าที่อาจให้ คําแนะนํา ตักเตือน ห้ามปราม และมีอํานาจกําหนดช่วงระยะเวลา เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าของ หรือผู้จัดการสถานที่ดําเนินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อป้องกันมิให้มีการแพร่ระบาดของโรครวมทั้งเสนอให้ผู้มีอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ มีคําสั่งปิดสถานที่ในพื้นที่รับผิดชอบไว้ เป็นการชั่วคราวก็ได้
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด มีคําสั่งปิดสถานที่ไว้ เป็นการชั่วคราว เมื่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าของ หรือผู้จัดการสถานที่ได้ดําเนินการให้เป็นไป ตามแนวทางมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ มาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ ที่ทางราชการกําหนดแล้ว ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดมีอํานาจสั่งให้สถานที่ ดังกล่าวเปิดดําเนินการได้
ส่วนฉบับที่สอง คือ “คําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ ๒/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘”
ซึ่งเป็นคำสั่งที่สอดรับกับประกาศฉบับช้างต้น เพราะเป็นการแบ่งโซนพื้นที่ควบคุม โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ ๙ จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น
เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์ตามข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๔ (๒) ของคําสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้กํากับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 โดยคําแนะนําของ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย
จึงมีคําสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกําหนด ๆ สําหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคําสั่งนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ลงนามโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - ๑๙