วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าไทยตกขบวนรับวัคซีนโควิดฟรีจากโครงการโคแวกซ์ หรือ COVAX (ย่อมาจาก Covid-19 Vaccines Global Access Facility หรือโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ระดับโลก) ว่า
โครงการ COVAX นั้นเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations: CEPI), องค์กรกาวี (Gavi, the Vaccine Alliance) และองค์การอนามัยโลก โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการแล้ว แต่เนื่องจากกรอบการจัดสรรวัคซีนและข้อตกลงการจองวัคซีนที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลกในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงต้นของการพัฒนาวัคซีนทั้งสิ้น ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าทำการจองไปแล้ว จะยังไม่ทราบว่าวัคซีนที่จองไปแล้วนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่
"การตัดสินใจของรัฐบาลเป็นการตัดสินใจอย่างรอบคอบท่ามกลางข้อจำกัดและบริบทหลายด้าน ผ่านคณะทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในและนอกกระทรวง ทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การเงิน เพื่อร่วมกันพิจารณาเงื่อนไขของการทำข้อตกลงสั่งจองวัคซีน จึงเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานระหว่างผลประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพราะอาจจะไม่ได้รับวัคซีนหากการพัฒนาไม่สำเร็จ ล่าช้า และจำเป็นต้องเสียเงินค่าจองล่วงหน้า"
นอกจากนี้ หากประเทศในอาเซียนที่จัดอยู่ในระดับที่มีรายได้ปานกลางจนถึงระดับสูง อย่างเช่น ไทย บรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะไม่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือให้ได้รับวัคซีนฟรี หรือให้ซื้อได้ในราคาถูกจากโครงการ COVAX เนื่องจากรายได้ของไทยอยู่ในระดับปานกลาง
ทั้งนี้ มี 6 ประเทศในอาเซียนที่ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ประเทศไทย หากต้องการเข้าร่วมโครงการการจัดซื้อจัดหาวัคซีนผ่าน COVAX จะต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนเองด้วยงบประมาณที่สูงและมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก โดยเป็นการจ่ายเงินจองล่วงหน้าไปก่อนแต่ไม่ทราบแหล่งที่มาของผู้ผลิต และไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่ชัดสำหรับการรับวัคซีนด้วย
"เมื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดที่มีทั้งหมดในการเข้าร่วมโครงการ COVAX แล้ว การที่ประเทศไทยทำความตกลงซื้อวัคซีนโควิด-19 จากผู้ผลิตโดยตรงจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นกว่า สามารถต่อรองราคาและเงื่อนไขได้โดยตรงกับผู้ผลิต"
อย่างไรก็ตามรัฐบาลยืนยันว่า เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นหลัก รัฐบาลไม่ปิดกั้นการเจรจากับที่ใดหาก COVAX ปรับเงื่อนไขรวมถึงข้อเสนอต่างๆ ซึ่งหากไทยเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ยังสามารถทำข้อตกลงผ่าน COVAX ได้ในอนาคต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยอดติดเชื้อโควิด 14 ก.พ.64 รายใหม่ 166 หายป่วยเพิ่ม 931 สะสม 24,571 ราย
หมอยงไขปมภูมิต้านทานที่ได้จากการฉีดวัคซีนโควิด-19
เปิดโพย 10 จังหวัดคว้าสิทธิ์ฉีดวัคซีนโควิดก่อนใคร
Electrochemical DNA Sensor ชุดตรวจวิเคราะห์ โควิด-19
ไทม์ไลน์"ผู้ติดเชื้อโควิด"กทม.เพิ่ม 16 ราย พบเดินห้าง-ทาน MK-KFC