ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี (GDP) ในปี 64 ว่า จะขยายตัวได้ที่ 2.6% (กรอบประมาณการที่ 0.0-4.5%) โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่มีแนวโน้มลดลงและสามารถควบคุมได้ในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ภาครัฐได้ออกมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งโครงการ เราชนะ ,เรารักกัน ที่ครอบคลุมผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 40 ล้านคน ตลอดจนมาตรการทางการเงินที่ช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของทั้งผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนรายย่อย น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 64 หดตัวไม่มากเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงการระบาดรอบแรกในปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่เหลือนั้น คาดว่าจะขยายตัวเป็นบวกได้ตามปัจจัยฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า โดยหากไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในประเทศอีกระลอก ในขณะที่แผนการทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถดำเนินการได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี
นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องวัคซีนจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการกำหนดแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งยังมีประเด็นความไม่แน่นอนจากการจัดหา รวมถึงการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ และประสิทธิผลของวัคซีนที่ยังต้องติดตาม
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกา และอังกฤษในฐานะที่เป็นผู้คิดค้นและมีฐานการผลิตวัคซีนในประเทศ มีความคืบหน้าอย่างมากในการกระจายวัคซีนให้แก่ประชากรในสัดส่วนที่มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องไปกับการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่จีนและรัสเซีย ก็เป็นประเทศผู้คิดค้นวัคซีนป้องกันและมีฐานการผลิตในประเทศเช่นกัน เริ่มมีสัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.8% และ 2.7% ตามลำดับ ซึ่งประเทศดังกล่าวเป็นประเทศต้นทางนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย
แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวจึงยังต้องขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของไทยด้วย หากประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่วัคซีนที่ไทยได้รับอาจจะไม่พอที่จะทำให้มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 64 ได้ในจำนวนที่ประมาณการไว้ (2.0-4.5 ล้านคน) ซึ่งก็จะทำให้ตัวเลขจีดีพีมีแนวโน้มลงไปที่กรอบล่าง (กรอบประมาณการ 0.0-4.5%) โดยภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อเนื่องมายังภาระของรัฐบาลที่มากขึ้นในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
“ยังต้องติดตามมาตรการภาครัฐที่ทยอยออกมาบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายละเอียดแพกเกจมาตรการดูแลภาคการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทั้ง supply chain ที่รวมถึงโครงการ Asset Warehousing ที่มีหลักการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวที่ประสบปัญหาความสามารถในการชำระหนี้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอธีระชี้หากหาต้นตอติดเชื้อคนแรกไม่เจอรอวันเกิดคลัสเตอร์ใหม่
หมอธีระวัฒน์ชี้ทั่วโลกจับตาผลวัคซีนไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทคในอิสราเอล
หมอยงแนะไทยจัดวัคซีน AstraZeneca - Johnson and Johnson - Sputnik V
คณะแพทย์ศาสตร์ มธ.ศูนย์รังสิตแจงกรณีนักศึกษาติดโควิด-19 พบเสี่ยงสูง 20 ราย
ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด "สายพันธุ์แอฟริกาใต้" เพิ่ม 2 ราย กลับมาจากตปท.