"ธนดร"ปลุกกระแส"เปลี่ยน"ท้าล้มแชมป์"นายกนครอุดร"

08 มี.ค. 2564 | 09:47 น.

"ธนดร"กลุ่มรักษ์เมืองอุดร เดินหน้าเคาะประตูขอคะแนนเสียงชิงนายกนครอุดรธานี ลุ้นกระแส"เปลี่ยน"พุ่งท่วมคะแนนพื้นฐานแชมป์เก่า"นายกฯอิทธิพนธ์"ที่เคยได้รับความไว้วางใจสูงลิบครั้งก่อนหรือไม่

"ธนดร"กลุ่มรักษ์เมืองอุดร เดินหน้าเคาะประตูขอคะแนนเสียงชิงนายกนครอุดรธานี ลุ้นกระแส"เปลี่ยน"พุ่งท่วมคะแนนพื้นฐานแชมป์เก่า"นายกฯอิทธิพนธ์"ที่เคยได้รับความไว้วางใจสูงลิบครั้งก่อนหรือไม่ 

นับถอยหลังยิ่งใกล้  28 มีนาคม 2564 วันถึงชิงชัย เก้าอี้นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล การแข่งขันยิ่งดุเดือดเร้าใจ รวมทั้งที่สนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี เทศบาลนครที่มีรายได้มากอันดับที่ 6  ในจำนวน 30 แห่งทั่วประเทศ และสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในจำนวนเทศบาลนคร 4 แห่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีรายได้ให้บริหารจัดการ ปีละ 1,555.98 ล้านบาท 
    

การเลือกตั้งชิงนายกเทศมนตรีนครอุดรธานีครั้งนี้ มีกลุ่มการเมืองท้องถิ่น เสนอตัวขออาสาประชาชนเข้ามาดูแลพื้นที่ รวม 3 คน จาก 3 ทีม คือ 
    หมายเลข 1 นายอิทธิพนธ์ ตรีวัตนสุวรรณ กลุ่มนครหมากแข้ง 
    หมายเลข 2 นายวีระวัฒน์ ไวทยานุวัตติ จากกลุ่มพลังอุดร และ
    หมายเลข 3 นายธนดร พุทธรักษ์ กลุ่มรักษ์เมืองอุดร     
    

ทั้ง 3 คนล้วนมีดีกรี"ด็อกเตอร์"สาขาต่าง ๆ กันไป และนอกจากลงชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีแล้ว ยังส่งทีมสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลพร้อมกันไปด้วย 
  เทศบาลนครอุดรธานี มีรายได้อันดับ1 ในบรรดาเทศบาลนคร 4 แห่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ    

 

นายกอิทธิพนธ์ในนามกลุ่มนครหมากแข้ง ลงสนามเพื่อรักษาแชมป์

เปิดหน้าเปิดชื่อและลงสนามไปพบปะประชาชนช่วงโค้งแรกมาแล้ว แต่เดิมวงการเทน้ำหนักให้"นายกฯอิทธิพนธ์"  ขึ้นนำ ในฐานะแชมป์เก่าเจ้าของเก้าอี้ โดยนายกฯอิทธิพนธ์ขึ้นเป็นหัวหน้าทีมกลุ่มนครหมากแข้ง ต่อจากนายหาญชัย  ฑีฆธนานนท์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ และเป็นอดีตนายกเทศมนตรีนครอุดรธานีมาแต่เดิม นำทีมลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อ  20 พฤษภาค 2555  กำชัยชนะขาดลอย  
    

"อิทธิพนธ์"ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี เป็นสมัยแรก แต่อยู่ยาวถึง 8 ปี ผลจากการเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศของคสช. สั่งห้ามจัดการเลือกตั้งทุกระดับ โดยให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)เดิม อยู่ในตำแหน่งและทำงานต่อเนื่องไป จนจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นใหม่ครั้งนี้
    

เวลา 8 ปีทำให้"นายกฯอิทธิพนธ์" มีเวลาสร้างผลงานหลายอย่าง ที่ใช้อ้างอิงในการหาเสียงเพื่อขออาสากลับมาทำงานต่อ แต่ก็มีบางโครงการที่ยังไม่สำเร็จที่ยังคาราคาซังอยู่ กลายเป็นจุดอ่อนให้คู่แข่งหยิบมาขยี้ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียง
    

ขณะที่หมายเลข 2 นายวีระวัฒน์ ไวทยานุวัตติ จากกลุ่มพลังอุดร  อดีตเป็นผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลเมืองอุดรธานี  สมัครลงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครอุดรฯทุกครั้งโดยไม่เสียกำลังใจ  ครั้งที่ผ่านมาทำได้ 4,510 แต้ม จากชื่อที่ช้ำและยังไม่มีอะไรใหม่ในการเสนอต่อประชาชนชาวเทศบาลนครอุดรธานี เลือกตั้งครั้งนี้มีลุ้นแค่ว่าจะได้คะแนนความพยายามมากกว่าครั้งก่อนหรือไม่
ดร:วีระวัตร ไวทยานุวัตติ ผู้สมัครชิงนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ในามกลุ่มพลังอุดร     

แต่ที่แวดวงนักสังเกตการณ์การเมืองท้องถิ่นอุดรธานีจับตา คือ "ธนดร พุทธรักษ์" หมายเลข 3 กลุ่มรักษ์เมืองอุดร ผู้ท้าชิงหน้าใหม่แต่ก็ไม่ใช่คนไกล  โดย"ธนดร"มาจากครอบครัว"พุทธรักษ์" ซึ่งเคยโลดแล่นในสนามการเมืองท้องถิ่นอุดรธานีในอดีต แต่เงียบหายไปช่วงหนึ่ง 
    

ดร.หรั่ง ธนดร พุทธรักษ์ นำกลุ่มรักษ์เมืองอุดร ท้าชิงนายกนครอุดรธานี

การหวนคืนเส้นทางการเมืองท้องถิ่นอุดรธานีของ"ธนดร"มิใช่เพิ่งนับหนึ่ง แต่สั่งสมผลงานและสร้างความรับรู้ให้กับชาวอุดรธานีมาระยะหนึ่งแล้ว จากบทบาทอดีตนายกสมาคมกีฬาจังหวัดอุดรธานี มีเครือข่ายกระจายในหลายกลุ่มกีฬาของจัวหวัด รวมถึงเครือข่ายพ่อค้านักธุรกิจของอุดรธานี และยังมีบทบาทการคอยตรวจสอบงานท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ให้ชาวอุดรธานี 
    

เมื่อสนามเลือกตั้งเปิดอย่างเป็นทางการ "ธนดร"และครอบครัว ตลอดจนทีมงานผู้สนับสนุน วางแผนลงพื้นที่เดินเคาะประตูบ้านพบประชาชนชาวเทศบาลนครอุดรธานีทุกหลังคาเรือน ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดิมที่่นายกฯอิทธิพนธ์เคยใช้ในการลงเลือกตั้งครั้งก่อน จนได้เสียงเป็นกอบเป็นกำ 
    

โดยเมื่อผ่านครึ่งทางการหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี เวลานี้เริ่มเกิดกระแส"เปลี่ยน"เพื่อให้โอกาสกับสิ่งใหม่ ค่อย ๆ ก่อตัวในพื้นที่เทศบาลนครอุดรธานี้ขึ้นมาแล้ว ในห้วงเวลาอีก 20 วันเศษสู่วันชี้ขาด จึงต้องจับตาว่ากระแสดังกล่าวจะทะยานเพิ่มจนขึ้นนำคะแนนเสียงพื้นฐานของคู่แข่งขันทั้งคู่ได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตา ใครจะคว้าเก้าอี้นี้ไปครองในที่สุด
    

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้่งนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 หรือเมื่อกว่า 8 ปี ที่ผ่านมานั้น มีผู้มีสิทธิมาออกเสียงเลือกตั้ง จำนวน 87,000 คนเศษ มีหน่วยเลือกตั้ง 164 หน่วย  ครั้งนี้มีเพิ่มเล็กน้อย เป็น 89,114 คน แย่งเป็น ชาย  41,065 คน หญิง 48,049 คน  มีหน่วยเลือกตั้ง 175 หน่วย ใน 101 ชุมชน  และคาดว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 50% ขึ้นไป 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง