วันจักรี หรือ วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ตรงกับวันที่ 6 เมษายนของทุกปี เป็นวันเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในวันนี้พสกนิกรชาวไทยจะร่วมกันประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน และหน่วยงานราชการก็มีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะ ณ บรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ประวัติและความสำคัญของ “วันจักรี”
เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรี หลังจากที่ทรงย้ายเมืองหลวงราชธานีจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร และเป็นวันที่ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 - 4 เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อมา และพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ รวมถึงประชาชนได้ถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณปีละครั้ง โดยประดิษฐานบนพระบรมรูปไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
หลังจากนั้นในปีพ.ศ. 2461 ซึ่งเป็นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมและประดิษฐานพระบรมรูป 5 รัชกาล และมีพระบรมราชโองการประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูปในวันที่ 6 เมษายนปีนั้น และต่อมาโปรดฯให้เรียกวันที่ 6 เมษายนว่า “วันจักรี”
สำหรับพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 มีมากมายหลายประการ อาทิ ทางด้านศาสนา โปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. 2331 และจารฉบับทองประดิษฐานไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
นอกจากนี้ยังทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามและพระพุทธรูปต่างๆ เป็นอันมาก ทางด้านวรรณคดีและศิลปกรรม ทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทยซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกให้ กลับคืนดีอีกวาระหนื่ง ทรงส่งเสริมและอุปถัมภ์กวีในราชสำนัก บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ เช่น บทละคร เรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น งานทางด้านศิลปกรรมนั้นเป็นผลเนื่องมาจากการที่ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้าง พระอารามเป็นจำนวนมาก เป็นการเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือด้านต่างๆ มีงานทำและได้ผลิตงานฝีมือชิ้นเอกไว้ นอกจากนี้ได้ทรงตรากฎหมาย “ตราสามดวง” เพื่อใช้เป็นหลักบริหารบ้านเมือง เป็นต้น
วันจักรี จึงเป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งเป็นพระปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์จักรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สถานที่ถวายพานพุ่มสักการะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่สำคัญมี 2 แห่ง ดังนี้
แห่งแรกที่รู้จักและคุ้นเคยกันดี คือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถ.ตรีเพชร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2475 ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี ประดิษฐานอยู่ที่เชิงสะพานพุทธ ฝั่งเขตพระนคร
สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) พระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ เสด็จประทับเหนือพระราชบัลลังก์ ออกแบบโดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ และหล่อโดย ศ.ศิลป์ พีระศรี พระบรมราชานุสาวรีย์นี้มีความสูง 4.60 เมตร ฐานกว้าง 2.30 เมตร เบื้องหน้ามีเครื่องบูชา พานพุ่มดอกไม้ และน้ำพุประดับไว้อย่างสวยงาม
อีกแห่ง คือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพสกนิกรชาวเมืองบุรีรัมย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้นด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งผู้สถาปนาเมืองบุรีรัมย์ และเป็นอนุสรณ์ศูนย์รวมจิตใจแห่งความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาจักรีในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกทัพมาปราบกบฏเมืองจำปาศักดิ์ และได้รวบรวมผู้คนตั้งเมืองขึ้น เรียกว่า เมืองแปะ แต่งตั้งบุตรเจ้าเมืองผไทสมัน (พุทไธสง) ให้เป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมือง บุรีรัมย์ ในช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) หรือต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
สำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2541 มีพิธีเปิดในปี พ.ศ. 2542 สร้างขึ้นตามแบบนับฉลองพระองค์นักรบ ประทับบนช้างศึก จากจดหมายเหตุประชุมพงศาวดารภาค 7 ที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้สมเด็จพระมหากษัตริย์ศึกยกทัพไปปราบพระยานางรองที่สมคบคิดกับเจ้าโอ เจ้าอิน แห่งจำปาศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"วันจักรี" การทางพิเศษฯ ยกเว้นค่าผ่านทาง 3 เส้นทาง เช็กที่นี่
"วันจักรี" ขึ้นทางด่วนฟรี เช็กเลยที่ไหนบ้าง
อัพเดทรับวันหยุดยาว เฮ! ขึ้นทางด่วนฟรี 3 เส้นทาง
วันหยุดราชการกรณีพิเศษ 2564 เดือนมี.ค.หยุดยาววันไหนบ้าง เช็กที่นี่