วันที่ 9 เมษายน 2564 นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตการณ์รอบด้าน ณ ปัจจุบัน ไวรัสระบาด covid-19 หรือ “โควิด-19” ที่ยังไม่สงบและมีแนวโน้มระบาดในรอบที่ 3 ซึ่งก็จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะงักงันไปอีกระยะหนึ่ง ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบถึงสินค้าเกษตรไทยหลายรายการ เช่น ราคาข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด พืชไร่ ไม้ผลมีทั้งโอกาสดีและไม่ดี ด้านภาคปศุสัตว์ดีต่อเนื่องในหลายปัจจัย เช่น วิกฤติคู่แข่ง โรคระบาดของประเทศเพื่อนบ้าน ความต้องการอาหารปศุสัตว์ของโลกเพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของเกษตรกร แต่ขอให้ระมัดระวังในการดูแลอย่างจริงจังยิ่งยวดต่อสุขภาพสัตว์ให้มีการป้องกันโรคระบาดสัตว์เต็มรูปแบบ 100% เพราะรายได้จะดีต่อเมื่อปศุสัตว์ในมือมีสุขภาพดีด้วย
สำหรับเกษตรกรชาวนา ชาวไร่ ค่อนข้างหนักหน่วงในเวลานี้ขอให้ลองหารายได้เสริมในพื้นที่ของตนเอง เช่น การปลูกพืชหลังนา ยกตัวอย่างที่จังหวัดลำปางพื้นที่หลายชุมชนปลูกทานตะวันขายเมล็ดได้ผลดี ขอให้เกษตรกรหาข้อมูลว่าจะสร้างรายได้สร้างอาชีพใหม่ๆเป็นส่วนเสริมหรือหลักในพื้นที่ของตนเองได้อย่างไร ขณะที่เกษตรกรที่ปลูกไม้ผลถึงเวลาแล้วที่จะต้องพัฒนาคุณภาพเพราะบัดนี้คู่แข่งตามท้ายมาห่างๆไม่นานจะหายใจรดต้นคอ
ด้วยเหตุคนซื้อหลักมีประเทศจีนเจ้าใหญ่เจ้าเดียว เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าไม่สามารถพัฒนาคุณภาพผลไม้ให้หนีห่างคู่แข่งได้อนาคตเกษตรกรก็จะเหนื่อย การดูแลก่อนเก็บเกี่ยว หลังเก็บเกี่ยว ต้องดูแลตามหลักวิชาการอย่างแท้จริง ผลไม้ไม่มีคุณภาพต้องคัดออกเป็นผลไม้ตกเกรดหรือผลอ่อนไม่มีคุณภาพต้องไม่ส่งขาย ทั้งนี้ มีทางเดียวเกษตรกรต้องปรับตัวและปรับตัวเชิงคุณภาพ สร้างผลผลิตที่มีคุณภาพให้ได้เพื่ออนาคตของอาชีพเกษตรกรจักได้ดำรงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป