"เกิบแตะ"สินค้าดาวรุ่งส่งออกไทย

13 เม.ย. 2564 | 06:39 น.

"พาณิชย์"ชี้รองเท้าแตะเป็นสินค้าส่งออกดาวรุ่งที่น่าจับตา ไทยได้เปรียบมีวัตถุดิบในประเทศ ได้เอฟทีเอช่วยลดต้นทุนส่งออก แต่ต้องพัฒนาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภค สร้างความได้เปรียบ  

"พาณิชย์"ชี้สินค้า “รองเท้าแตะ” เป็นสินค้าส่งออกดาวรุ่งที่น่าจับตา ไทยได้เปรียบตรงที่วัตถุดิบหาได้ในประเทศ แถมมีข้อตกลงเอฟทีเอช่วยลดต้นทุนส่งออก แนะผู้ประกอบการใช้เอฟทีเอส่งออกสินค้าไทย แต่ต้องพัฒนาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม สร้างความได้เปรียบ  

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า รองเท้าแตะเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกของไทยที่น่าจับตามมอง เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยอดการส่งออกรองเท้าแตะของไทยไปตลาดต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรองเท้าแตะกลุ่มที่ทำจากยางหรือพลาสติก ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับที่ 8 ของโลก รองจาก จีน สหภาพยุโรป เวียดนาม ตุรกี สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย บราซิล

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมรองเท้าแตะของไทย ได้แก่ คุณภาพมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับ ประกอบกับความได้เปรียบด้านต้นทุน เนื่องจากสามารถหาวัตถุดิบในการผลิต ได้แก่ เม็ดพลาสติก และยางพาราแปรรูปได้ภายในประเทศ และมีแรงงานคุณภาพที่มีประสบการณ์ 

ปัจจุบัน 16 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และชิลี ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ารองเท้าแตะจากไทยทุกรายการ ทั้งรองเท้าแตะที่ทำจากยางหรือพลาสติก รองเท้าแตะจากหนัง และรองเท้าแตะจากวัสดุสิ่งทอ (พิกัดศัลกากร 640299900001 64041900001 64042000001) แล้ว เหลือเพียง เปรู และอินเดีย ที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้ารองเท้าแตะจากไทย โดยอินเดียลดภาษีนำเข้าจาก 10% เหลือเก็บภาษีที่ 5% และเปรูเก็บภาษีนำเข้าที่ 11%

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตลาดคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรีด้วย พบว่าประเทศคู่เอฟทีเอเป็นตลาดส่งออกสำคัญของสินค้ารองเท้าแตะของไทย โดยไทยส่งออกสินค้ารองเท้าแตะไปยังตลาดคู่เอฟทีเอ รวมกันปีละมากกว่า 2 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมด หรือประมาณ 64% ของการส่งออกทั้งหมด และการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างปี 2560-62 ไทยส่งออกรองเท้าแตะไปประเทศคู่เอฟทีเอมูลค่ารวม 49 ล้านเหรียญสหรัฐ(1,544.48 ล้านบาท  ที่ 31.52บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)   59 ล้านเหรียญสหรัฐ(1,859.68 ล้านบาท) และ 66 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,080.32 ล้านบาท) ตามลำดับ อัตราการขยายตัวเฉลี่ย 12% ต่อปี

 

สำหรับปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว ทำให้การส่งออกสินค้ารองเท้าแตะของไทยชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยไทยส่งออกไปตลาดคู่เอฟทีเอ รวม 59 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 11% ส่วนในช่วง 2 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.พ.) การส่งออกไปประเทศคู่เอฟทีเอมีมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 10% แต่การส่งออกไปตลาดคู่เอฟทีเอหลายประเทศมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 1 ของไทย เช่น ลาว เพิ่ม 6% ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 100% เวียดนาม เพิ่ม 25% อินโดนีเซีย เพิ่ม 139% มาเลเซีย เพิ่ม 66% และการส่งออกไปตลาดอินเดีย และญี่ปุ่น ก็ขยายตัวเช่นกัน เพิ่ม 7% และ 26% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มตลาดในปี 2564 ที่เริ่มฟื้นตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวคาดการณ์ว่าตลาดรองเท้าแตะมีแนวโน้มเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเป็นสินค้าพื้นฐานที่มีการใช้ในชีวิตประจำวันของบุคคลทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัย และปัจจุบันนอกเหนือจากการซื้อรองเท้าแตะ เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานทั่วไปแล้ว ยังสามารถพัฒนาเป็นสินค้าแฟชั่นได้อีกด้วย จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดส่งออกได้อีก โดยเฉพาะเจาะตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรีด้วย และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เต็มที่ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้า นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยออกแบบรองเท้าให้ใส่สบายส่งผลดีต่อสุขภาพ

 

รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความหลากหลายตามพฤติกรรมและสมัยนิยมของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อให้รองเท้าแตะของไทยครองใจผู้บริโภคในวงกว้าง เช่น กลุ่มเด็กอาจมีความต้องการสีสันลวดลายที่สดใส กลุ่มวัยทำงานและผู้สูงวัยต้องการรองเท้านุ่มสบาย เพื่อดูแลสุขภาพเท้าและสรีระ กลุ่มวัยรุ่นต้องการรองเท้าแตะประเภทแฟชั่น และเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรองเท้าแตะบ่อยครั้งขึ้น เป็นต้น 

ทางด้านการส่งออกสินค้ารองเท้าแตะของไทยสู่ตลาดโลกในปี 2563 มีมูลค่ารวม 87 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง  20% ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน สัดส่วน 64.5% ของการส่งออกทั้งหมด มีเมียนมา กัมพูชา และลาวเป็นตลาดส่งออกหลักในอาเซียน ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัดส่วน 8.4% ซาอุดีอาระเบีย สัดส่วน 4.1% ลิเบีย สัดส่วน 2.7% และอินเดีย สัดส่วน 1.6% โดยสินค้าส่งออกสำคัญ คือ รองเท้าแตะที่ทำจากยางหรือพลาสติก สัดส่วน 92.4% ของการส่งออกทั้งหมด รองเท้าแตะที่ทำจากวัสดุสิ่งทอ สัดส่วน 6.8% และร้องเท้าแตะที่ทำจากหนัง สัดส่วน 0.8%

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง