นายธานี มณีนุตร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ในฐานะผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) (PRINC) เปิดเผยว่าด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่นั้น โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลในเครือของ PRINC ได้ขยายเวลาการเปิดให้บริการตรวจโควิด-19 เป็นทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:00-20:00 น. ผ่านระบบ Drive Thru ด้วยวิธีRT-PCR โดยจะแจ้งผลให้ทราบภายใน 48-72 ชั่วโมง จากเดิมในช่วงปกติสามารถรายงานผลได้ภายใน12 ชั่วโมงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิประมาณ 400 - 500 เคสต่อวัน ขณะเดียวกันโรงพยาบาลในเครือทั่วประเทศที่มี 12 แห่งใน 10 จังหวัดที่มีความพร้อมได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยเฉลี่ยอีกประมาณวันละ 150 ถึง 200 เคสต่อวันนอกจากนี้ ได้เพิ่มประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการเพื่อรองรับปริมาณการตรวจต่อวันมากขึ้น จัดหาน้ำยาตรวจโควิด-19 ไว้รองรับอย่างเพียงพอ เร่งแผนการขยายเตียงรองรับไม่ต่ำกว่า 60 เตียงในโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิภายในสัปดาห์หน้า และประสานโดยดึงบุคลากรทางการแพทย์ในเครือรพ.พริ้นซ์ฯจาก12 แห่งทั่วประเทศ และคลินิกใกล้บ้านใกล้ใจที่มีกว่า 10 แห่งในกรุงเทพฯ เพื่อเสริมทัพบุคคลากรการแพทย์ให้บริการ
ขณะที่ ล่าสุดอยู่ระหว่างดำเนินการจัดหา Hospitel ประมาณ 100 – 200 ห้อง ซึ่ง PRINC มีอีกส่วนธุรกิจที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าหลายแห่ง และบางส่วนได้มีการเข้าตรวจสอบโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแล้ว คาดว่าจะสามารถให้บริการรองรับสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่มากหรือไม่แสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์นับจากนี้ และมีบุคลากรการแพทย์คอยให้บริการตลอด 24 ชั่งโมงอย่างครอบคลุมเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้รับบริการ และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ระบาดหลังสงกรานต์และจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในแถบพื้นที่กรุงเทพฝั่งตะวันออกและจังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งนี้ เครือรพ.พริ้นซ์ฯ ยังยืนหยัดดำเนินการตรวจคัดกรองโควิด-19 เพื่อแบ่งเบาภาครัฐในการรับมือสถานการณ์ระบาด ในกรณีที่มีผู้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจเป็น Positive ทางเครือรพ.พริ้นซ์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางสาธารณสุข พร้อมจัดหาเตียงในการรองรับ ทั้งภายในเครือโรงพยาบาลพริ้นซ์ Hospitel เครือข่ายสมาคมโรงพยาบาลเอกชน หรือประสานส่งต่อโรงพยาบาลสนามในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ตามกลไกของภาครัฐ พร้อมการแบ่งเบาภาระด้านสาธารณสุข และยืนหยัดอยู่เคียงข้างคนไทยในสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น