การสัญจรทางเรือในแม่น้ำสาละวินชะงัก ฐานทหารเมียนมาออกคำสั่งให้เรือทุกลำแวะให้ตรวจสอบก่อน จนเกิดเหตุยิงเรือชาวบ้านแม่สามแลบและเรือตชด.มาแล้ว ทหาร-ฝ่ายปกครองในพื้นที่เร่งประสานความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเมียนมาแล้วก่อนบานปลาย
บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา ริมแม่น้ำสาละวิน จากกรณีที่ทหารรัฐบาลมียนมา ยิงเรือตำรวจตระเวนชายแดนไทย (ตชด.ไทย) ตามที่ได้ปรากฏข่าวตามสื่อ และสื่อโซเซียล ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานปกครองไทย ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าข่าวดังกล่าวมีข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยได้มีการตรวจสอบกับทางหน่วยงานผู้ปฎิบัติตามแนวชายแดน ทราบข้อเท็จจริงได้ว่า การยิงปืนของทหารเมียนมานั้น เป็นเพียงการยิงข่มขู่ เพื่อไม่ให้เรือ ตชด.ไทย เข้าใกล้ฐานทหารเมียนมา เนื่องจากเกรงการโจมตีจากกองกำลังกะเหรี่ยง KNLA
ทั้งนี้ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 (ฉก.ร.7) ได้ประสานทหารเมียนมาเพื่อทำความเข้าใจ และสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน รวมทั้งได้ให้ข้อเท็จจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ได้มีเสียงปืนจากฐานทหารเมียนมาริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน จากการที่ทหารเมียนมาประจำฐานตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้ใช้อาวุธปืนยิงสะกัดเรือ ที่กำลังจะลำเลียงขนส่งของบรรเทาทุกข์ เพื่อช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นในรัฐกะเหรี่ยง โดยเสียงปืนได้ดังขึ้นระหว่างที่เรือฝ่ายไทยและเรือชาวบ้านอีกลำหนึ่งกำลังวิ่งแล่นในแม่น้ำสาละวิน
ขณะที่เรือ ต.ช.ด.ไทย ได้ติดธงชาติไทย 2 ผืนตามตกลงร่วม โดยทหารเมียนม่าได้ยิงปืนใส่เรือไทย 2 นัด จากนั้นชาวบ้านเห็นเรือ ต.ช.ด.ไทยเข้าไปจอดที่ฐานดังกล่าวอยู่ราวครึ่งชั่วโมง โดยไม่ทราบว่ามีการเจรจากันว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เหตุการณ์ยิงเรือที่เกิดขึ้นเกิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีเรือไทยแล่นออกจากแม่สามแลบ และผ่านบ้านท่าตาฝั่งอีก ซึ่งหมายความว่าการขนส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ไปให้แก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในรัฐกะเหรี่ยงต้องยากลำบาก ล่าช้าไม่ทันกับความต้องการ และสิ้นเปลืองขึ้นมาก และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปะทะครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง ที่ริมชายแดนแม่น้ำสาละวิน ระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง