วันนี้ 24 เม.ย. 64 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ช่วยผ่านพ้นโควิด-19 ไปด้วยกัน” สำรวจ ประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,011 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 21 – 23 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา
พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.2 ตื่นตระหนกและกลัวโควิด-19 ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 23.7 ระบุปานกลาง และ ร้อยละ 8.1 ระบุค่อนข้างน้อย ถึง ไม่เลย
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงบทเรียนจากโควิด-19 รอบแรก ทำไมเราชนะ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.1 ระบุ เราเคร่งครัด ยกการ์ดสูง สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ป้องกันเข้มในชุมชน รองลงมาคือ ร้อยละ 97.3 ระบุ เรากลัวตาย จึงมีวินัย อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
ร้อยละ 95.9 ระบุ ฝ่ายการเมือง นักการเมือง ไม่เอาชีวิตประชาชนและโควิด เป็นเกมการเมือง โจมตีกัน ร้อยละ 94.1 ระบุ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ เคร่งครัด ไม่มุ่งเอาผลประโยชน์กำไร ไม่เสี่ยงแพร่โควิด และร้อยละ 91.3 ระบุ รัฐบาล ชดเชย เยียวยา ปากท้อง ลดราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และอื่น ๆ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ทำไมรอบนี้ แพร่ระบาดโควิด เพิ่ม พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 ระบุ โควิดสายพันธุ์ใหม่ แพร่ง่าย กระจายเร็ว ร้อยละ 94.5 ระบุ มาตรการผ่อนปรนต่าง ๆ ร้อยละ 92.2 ระบุ คนเชื่อมั่น ระบบสาธารณสุข ทำคนประมาท ไม่ระวังตัว การ์ดตก และร้อยละ 91.6 ระบุ เจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยปละละเลย ทุจริตในหน้าที่
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงทำอย่างไร ผ่านพ้นโควิด-19 ไปด้วยกัน พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 65.5 ระบุทุกคนทราบดีว่าปัญหาอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกัน ในขณะที่ ร้อยละ 46.8 ระบุ สำหรับผู้ป่วยโควิดที่ป่วยหนักอยู่โรงพยาบาลหลักรักษา ช่วงพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลสนาม ร้อยละ 45.4 ระบุ ในส่วนของ วัคซีน ทยอยแจกตามพื้นที่และลำดับความสำคัญ และร้อยละ 42.9 ระบุ ช่วยกันฟังช่องทางจากรัฐบาล ถ้าไม่ฟังรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหา ตามลำดับ
ผศ.ดร.นพดล ระบุว่า ผลโพลครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนมีความตื่นตระหนก สับสนและกลัว จากการระบาดของโควิดระลอก 3 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขยายเป็นวงกว้าง โดยมองสาเหตุมาจาก การผ่อนปรนมาตรการต่างๆของรัฐ การปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐ มีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข จนเกิดความประมาท การ์ดตกร่วมกันของประชาชน รวมทั้งเชื่อว่าเกิดจากเชื้อสายพันธ์ใหม่ที่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว
ทุกคนจำเป็นต้องปลอดภัย “อยู่ให้เป็น ก่อนได้วัคซีน” โดยถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกัน รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาให้ตรงจุด ชัดเจนในนโยบายมาตรการต่าง ๆ ทั้งการเดินหน้าเศรษฐกิจปากท้องและการควบคุมโรค พร้อมกับการลงดาบตามกำกับอย่างเข้มข้น ภาคราชการเป็นที่พึ่งประชาชนอย่างแท้จริง ต้องเด้งรับขับเคลื่อนการปฏิบัติในภาวะไม่ปกติอย่าง เข้มข้นทุกระดับถึงพื้นที่ และต้องไม่มีทุจริตเด็ดขาด
ในขณะที่ ภาคเอกชนผู้ประกอบการไม่นิ่งดูดาย ต้องโดดเข้ามาช่วยคืนสังคมตามกำลัง ขณะที่ภาคประชาชน ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างแรง ยกการ์ดสูง ไม่ประมาท ไม่บั่นทอนกันเอง ร่วมหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตนเองและครอบครัว และภาคการเมืองนักการเมืองต้องพอกันที เลิกฉกฉวยเอาโควิดเป็นเกมการเมือง ควรร่วมแสดงกึ๋นภูมิปัญญาการเมืองช่วยรัฐเสนอทางออกร่วมกันที่เป็นรูปธรรมอย่างสร้างสรรค์เพื่อความดีส่วนรวม