รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 27 เมษายน 2564
ทะลุ 148 ล้านไปแล้ว อินเดียยังติดเพิ่มกว่าสามแสนคน ตุรกีประกาศล็อคดาวน์ตั้งแต่ 29 เมษายนไปถึง 17 พฤษภาคมเพื่อยับยั้งการระบาด ส่วนฟิลิปปินส์มียอดติดเชื้อรวมเกิน 1 ล้านคนแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 678,784 คน รวมแล้วตอนนี้ 148,442,514 คน ตายเพิ่มอีก 10,676 คน ยอดตายรวม 3,132,445 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินเดีย อเมริกา ตุรกี บราซิล และอิหร่าน
อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 39,407 คน รวม 32,865,175 คน ตายเพิ่ม 393 คน ยอดเสียชีวิตรวม 586,550 คน อัตราตาย 1.8%
อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 319,435 คน รวม 17,625,735 คน ตายเพิ่ม 2,764 คน ยอดเสียชีวิตรวม 197,880 คน อัตราตาย 1.1%
บราซิล ติดเพิ่ม 28,636 คน รวม 14,369,423 คน ตายเพิ่มถึง 1,011 คน ยอดเสียชีวิตรวม 391,936 คน อัตราตาย 2.7%
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 5,952 คน ยอดรวม 5,503,996 คน ตายเพิ่ม 398 คน ยอดเสียชีวิตรวม 103,256 คน อัตราตาย 1.9%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,803 คน รวม 4,771,372 คน ตายเพิ่ม 356 คน ยอดเสียชีวิตรวม 108,588 คน อัตราตาย 2.3%
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน
ตุรกีกดการระบาดได้ดีขึ้นกว่าช่วงกลางเมษายนซึ่งขณะนั้นติดเชื้อสูงถึง 5-6 หมื่นต่อวันอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดยังติดเชื้อเพิ่มกว่า 37,000 คนต่อวัน แม้จะได้ประกาศล็อคดาวน์บางส่วนในช่วงกลางเดือนเมษายน ประธานาธิบดีของตุรกีและคณะรัฐมนตรีจึงตัดสินใจประกาศล็อคดาวน์เต็มรูปแบบทั่วประเทศ เพื่อหวังจะจัดการการระบาดให้ได้ เพราะมาตรการเดิมยังทำให้ติดเชื้อสูงลำดับต้นๆ ของโลก และเสียชีวิตหลายร้อยคนต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า
แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่เวียดนาม และฮ่องกง ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
.คาดว่าสัปดาห์นี้ไทยเราจะแซงสิงคโปร์ และอัฟกานิสถาน ซึ่งตอนนี้มียอดติดเชื้อต่อวันอยู่ที่ 45 และ 204 คน และยอดรวมอยู่ที่ 61,051 และ 59,225 ตามลำดับ
แต่จะแซงไซปรัสซึ่งมียอดรวมตอนนี้อยู่ที่ 62,960 คนหรือไม่ ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไซปรัสเองก็ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงพีคของระลอกสาม มีจำนวนผู้ติดเชื้อค่อนข้างมาก ระหว่างหกร้อยกว่าถึงเก้าร้อยกว่าต่อวัน ยังไม่นิ่ง
การประหยัด รัดเข็มขัด ลดการนำเข้า เน้นใช้ของไทย...ควรเป็นกลยุทธ์ที่นำมาพิจารณาใช้ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศ
เหตุผลคือ การระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และแม้จะสู้ระลอกนี้เสร็จ ในอนาคตก็มีโอกาสปะทุซ้ำเป็นระลอกถัดๆ ไป และจะส่งผลกระทบที่หนักขึ้นเรื่อยๆ หากไม่สงวนทรัพยากรไว้ลงทุนในช่วงที่เหมาะสมและมีโอกาสสำเร็จมากกว่า
หัวใจสำคัญในการรับมือการระบาดซ้ำคือ การเสริมสร้างศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรค การจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ มีความหลากหลาย ใช้ได้กับหลายสถานการณ์ มีปริมาณเพียงพอสำหรับทุกคน และฉีดอย่างครอบคลุม รวมถึงการปฏิรูปรูปแบบการดำเนินธุรกิจทั้งเล็กกลางใหญ่ ทั้งค้าขาย และบริการ ให้เน้นความปลอดภัยอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถลดความเสี่ยงในการระบาดซ้ำ ปกป้องทั้งตัวกิจการเอง ลูกจ้าง และลูกค้า
และที่สำคัญที่สุดคือ การปรับทิศทางนโยบายด้านการค้าขาย เดินทาง ท่องเที่ยว และบริการ ที่เน้นลดความเสี่ยง หรือ "Play safe strategy" แต่เน้นให้เกิดกระบวนการคิดวางแผนเพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่า ขายประสบการณ์และความคิด มากกว่าขายปริมาณ
โจทย์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นรู้กันอยู่ว่ายาก แต่หากทำได้ เราจะรอดและกลับมาได้อย่างยั่งยืน ไม่เสี่ยงต่อการระบาดซ้ำซากจนหมดแรง
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน การร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ดูแลตนเองและสมาชิกในครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
อยู่บ้านนะครับ หากทำได้ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์แขวนติดตัวไว้ ล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งหลังจับต้องสิ่งของสาธารณะ ระวังเรื่องสุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนกดชักโครก ล้างมือทุกครั้ง และใส่หน้ากากเสมอ อยู่ห่างคนอื่นๆ พูดคุยเท่าที่จำเป็น
เลี่ยงการกินดื่มในร้านอาหาร โรงอาหาร ศูนย์อาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า ไม่ใช่เวลาตะลอนท่องเที่ยว หรือนัดพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงหรือญาติสนิทมิตรสหาย คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรหยุดทำงาน และรีบไปตรวจรักษา คนที่ทำงานค้าขาย และบริการ เราพบปะคนอื่นจำนวนมาก ต้องระวังตัวอย่างยิ่ง
ประเมินโอกาสในช่วงถัดจากนี้ ต้องระวังที่ทำงาน ขนส่งสาธารณะ บ้าน/หอพัก/อพาร์ตเมนท์/คอนโด ห้าง ร้านอาหาร/ศูนย์อาหาร/โรงอาหาร และในชุมชนแออัด ขอให้ร่วมแรงร่วมใจกันสอดส่องดูแล และป้องกันตัวอย่างเต็มที่
เชื่อมั่นว่าแรงของพวกเราจะทำให้อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน
ด้วยรักและห่วงใย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :